ชาวบ้านจ.เลย ถูกนายทุนคิดดอกเบี้ยโหด จนต้องเช่าบ้านตัวเองอยู่ วอน “ลุงป้อม-บิ๊กโจ๊ก” ช่วย

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์การกู้ยืมเงินโดยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น ได้มีชาวบ้านจากหลายอำเภอ จาก จ.เลย ได้พากันมายืนถือป้ายร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนที่ทั้งหมดได้ร่วมกันเขียนคำร้องขอความช่วยเหลือ ตามระเบียบและขั้นตอนการดำเนินงานของศูนย์ดังกล่าว

นางพัชนีย์ แสนบุ่งค้อ อายุ 55 ปี ชาวจ.เลย กล่าวว่า เมื่อปี 2544 ครอบครัวได้นำโฉนดที่ดิน เนื้อที่ 44 ตารางวา ทำการกู้เงินจากนายทุนเงินกู้ ชื่อเจ้วา ชาวอ.วังสะพุง โดยทำการขอกู้ 150,000 บาท โดยนายทุนบอกว่าให้ได้เพียง 100,000 บาท ซึ่งถ้าอยากได้ตามที่ขอให้ไปหาที่ดินมาเพิ่ม ครอบครัวได้นำโฉนดที่ดิน ซึ่งเป็นที่นา รวม 7 ไร่ ไปให้นายทุน เพื่อจะได้เงินมาใช้จ่ายในครอบครัวตามที่ยื่นกู้ไว้ แต่เมื่อนำที่นาไปให้ นายทุนกลับทำสัญญาขายฝากที่ดิน เป็น 2 สัญญา คือที่แปลงแรก 44 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินที่ครอบครัวสร้างบ้านและอาศัยอยู่นั้นเป็นการค้ำประกันเงินกู้จำนวน 150,000บาท แต่มารดาได้รับเงินสดเพียง 100,000บาท ส่วนที่นา 7 ไร่ นายทุนก็ทำสัญญาค้ำประกันเงินกู้จำนวน 100,000 บาท แต่มารดารับเงินสดเพียง 50,000 บาท โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 3 บาท ต่อเดือน และร้อยละ 15 บาทต่อปี โดยที่ผ่านมาได้ส่งดอกเบี้ยให้นายทุนเดือนละ 4,500 บาท ประมาน 1 ปี แล้วก็ขาดส่ง นายทุนก็มายึดบ้านพร้อมที่ดิน ครอบครัวจึงต้องเช่าบ้านต่อจากนายทุนเดือนละ 1,000 บาท เพื่ออยู่อาศัยมาจนถึงปัจจุบัน

“เมื่อปี 2558 ก่อนมารดาเสียชีวิต ได้ไปขอซื้อบ้านคืนจากนายทุนตามราคาที่ระบุในสัญญา แต่นายทุนไม่ยอมขายคืนให้ จะขายคืนให้เฉพาะที่นาเท่านั้น และมีการสอบถามพูดคุย รวมถึงมีการไกล่เกลี่ยกันมาแล้วโดยนายทุนจะคืนให้หากครอบครัวซื้อทรัพย์คืนทั้งหมดในราคา 300,000 บาท เมื่อครอบครัวเอาเงินไปซื้อคืนก็บอกว่าราคาเพิ่มเป็น 5 แสน และเมื่อต้นปีที่ผ่านมาบอกว่า ราคาทรัพย์สินและเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 1,700,000 บาท ครอบครัวไม่มีปัญญาซื้อคืน ทั้งนี้ที่ผ่านมาครอบครัวเรายอมรับว่าไม่ได้ผ่อนดอกเบี้ยให้ตรงตามสัญญา แต่อยากขอความเห็นใจให้ขายทรัพย์สินคืนให้เราตามสัญญา และคิดดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนดก็จะเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย”นางพัชนีย์ กล่าว

นางพัชนีย์ กล่าวอีกว่า การตัดสินใจมาร้องขอความช่วยเหลือที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ฯ ที่ ตร.ภ.4 เพราะเห็นเจ้าหน้าที่ช่วยกันดูแลและให้ความเป็นธรรมกับประชาชนมาแล้วหลายราย ดังนั้นจึงอยากวิงวอนให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ หักพาล ผบช.สตม. ให้การช่วยเหลือชาวบ้านเพิ่มเติมขึ้นด้วย

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการพูดคุยกับชาวบ้านที่เดินทางมายื่นเรื่องขอความช่วยเหลือที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ฯ รวมกว่า 20 รายในครั้งนี้ ทุกคนยืนยันว่าเป็นลูกหนี้ของนายทุนเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ในอำเภอวังสะพุง ทั้งหมด โดยทุกคนหวังพึ่งนายทุนยามเดือดร้อน ขณะที่จำเป็นต้องใช้เงินด่วน ส่วนดอกเบี้ย ผ่อนบ้างไม่ผ่อนบ้าง บางรายต้องการซื้อทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้คืน นายทุนไม่ยอมขายคืนให้ตามจำนวนในสัญญา ทั้งยังคิดดอกเบี้ย แบบทบต้นทบดอก จากการกู้เพียงหลักแสน แต่พอเข้าสู่การเจรจาไกล่เกลี่ยนายทุนแจ้งยอดเป็นล้าน จึงไม่มีใครกล้าซื้อคืน เพราะไม่มีเงิน จึงตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ และจะมีการเดินทางเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความช่วยเหลือ ที่ กรุงเทพฯ เป็นลำดับต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image