นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า ขณะนี้การแข่งขันสินเชื่อรถยนต์ใหม่มีการแข่งขันกันรุนแรงและไม่ปกติ เห็นการซื้อรถแล้วได้เงินทอนเหมือนกับการซื้อบ้านในช่วงที่ผ่านมา เพราะตัวแทนจำหน่ายรถยนต์(ดีลเลอร์) เร่งปิดยอดขายและต้องการระบายสต็อกรถรุ่นเก่าหรือรถที่ไม่ได้รับความนิยม โดยพบว่ามีการทำซัพดาวน์ โดยดีลเลอร์จะมีส่วนลดให้ลูกค้าจำนวนหนึ่งเพื่อใช้เงินดาวน์น้อยลง(ซัพดาวน์) แต่ยอดที่นำมากู้กับสถาบันการเงินยังเป็นยอดดาวน์เต็มจำนวน ซึ่งส่วนลดก็จะคืนเป็นเงินสดให้กับลูกค้า หรือหากเป็นรถที่มีการตกแต่งแต่ลูกค้าไม่ต้องการก็เปลี่ยนเป็นเงินสดให้ ทำให้เกิดดีมานด์เทียมขึ้นในตลาดสินเชื่อรถยนต์หากกลายเป็นหนี้เสียธนาคารก็ต้องรับภาระ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบสินเชื่อยานยนต์ได้ในอนาคต จึงเชื่อว่าหากยังเห็นสถานการร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะเข้ามาดูแลคล้ายกับการดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย
“สินเชื่อรถยนต์มีหนี้ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือนหรือเอสเอ็ม สูงมาก 7-8% แต่เป็นเอ็นพีแอลต่ำราว 1-2% เพราะเคลียร์ได้เร็ว อย่างไรก็ตามธนาคารไม่ต้องการให้เกิดดีมานด์เทียมและคนที่ขอกู้ไม่ควรจะได้สินเชื่อ แต่ดีลเลอร์ก็อยากขายอยากเร่งปิดยอด มองว่าหากเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มมีกลิ่นไม่ดีอาจจะกระทบต่อระบบโดยรวมตลาดสินเชื่อรถยนต์ได้” นายอภินันท์ กล่าว
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ยอดหนี้คงค้างสินเชื่อรถยนต์ในระบบธนาคารพาริชย์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามยอดขายรถยนต์ในปีนี้ที่ขยายตัวสูง ซึ่งทำให้หนี้ครัวเรือนปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคนที่ซื้อรถใหม่เป็นคนที่หมดภาระการผ่อนชำระหนี้รถยนต์คันแรกหมดแล้ว อาจจะไม่กระทบต่อภาระผ่อนชำระหนี้มากนัก อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาในแง่มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ของธนาคารพาณิชย์หากมีมาตรฐานตามเกณฑ์และระมัดระวังอาจจะไม่ต้องกังวลมากนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยอดหนี้คงค้างสินเชื่อรถยนต์ในระบบธนาคารพาริชย์ ณ สิ้นไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ 1.036 ล้านล้านบาท ถือเป็นยอดคงค้างที่สูงที่สุด โดยขยายตัว 12.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีเอสเอ็ม 7.32% ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) 1.57%
