เอฟทีเอไทย–ตุรกี เจรจารอบ4ที่กรุงเทพฯ เร่งสรุปเปิดเสรีตามเป้าปี63

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯเตรียมเปิดการเจรจาเอฟทีเอกับตุรกี รอบ 4 ในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 12-14 ธันวาคม 2561 ซึ่งในการเจรจารอบที่ 4 ทั้งสองฝ่ายจะเร่งหาข้อสรุปเรื่องรูปแบบการลดภาษีศุลกากร และสานต่อการเจรจาจัดทำข้อบทเรื่องต่างๆ อาทิ ข้อบทว่าด้วยการค้าสินค้า มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด มาตรการต่อต้านการอุดหนุน พิธีการทางศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า กฎถิ่นกำเนิดสินค้า มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช และการระงับข้อพิพาททางการค้า เป็นต้น เพื่อให้การเจรจาคืบหน้าและหาข้อสรุปได้ภายในปี2563

นางอรมน กล่าวว่า ตุรกีถือเป็นตลาดใหญ่และตลาดใหม่ของไทย มีประชากรกว่า 80 ล้านคน ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ซึ่งไทยสามารถใช้เชื่อมโยงไปสู่ตลาดยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือได้ ขณะที่ตุรกีก็สามารถใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังอาเซียน ซึ่งการจัดทำเอฟทีเอจะช่วยขยายโอกาสทางการค้าและผลักดันมูลค่าการค้าสองฝ่ายให้ถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563 ตามที่ตั้งเป้าไว้

นางอรมน กล่าวว่า ในปี 2560 ตุรกีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 36 ของไทยในตลาดโลก และเป็นอันดับ 4 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 1,517.39 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว10.4% ซึ่งเป็นการส่งออกจากไทยไปตุรกีมูลค่า1,266.46 ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นการนำเข้าจากตุรกีมูลค่า 250.94 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2561 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า1,233.14 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปตุรกี 963.18 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากตุรกี 269.96 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปตุรกี เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ยางพารา เส้นใยประดิษฐ์ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญจากตุรกี เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องประดับอัญมณี เคมีภัณฑ์ ลวดและสายเคเบิล เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image