นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการผลักดันการผลิตรถยนต์อีโคอีวีในประเทศไทย ว่า วันที่ 7 ธันวาคมนี้ จะเสนอต่อนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พิจารณาความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวที่สศอ.ร่วมดำเนินการกับกรมสรรพสามิต และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ที่ผลักดันให้รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล(อีโคคาร์)สามารถผลิตเป็นรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี)ได้ ภายใต้ชื่ออีโคอีวี เพื่อทำให้การผลิตอีวีในไทยเกิดขึ้นได้เร็วตามยุทธศาสตร์รถยนต์แห่งอนาคตของรัฐบาล โดยใช้วิธีการขยายฐานการผลิตจากอีโคคาร์ และช่วยให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนของไทยได้ประโยชน์ทางตรงด้วย ล่าสุดได้หารือร่วมกับ 2 หน่วยงานและผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายในไทยแล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้แน่นอน
“เมื่อได้ข้อสรุปสุดท้ายแล้ว ทั้ง 3 หน่วยงานจะออกประกาศเพิ่มเติมเพื่อให้อีโคคาร์มุ่งสู่อีวีได้ อาทิ การกำหนดประเภทชิ้นส่วนที่มุ่งสู่อีวี กำหนดช่วงเวลาผลิต จำนวนรถยนต์อีโคอีวีที่ต้องผลิต วงเงินลงทุน คล้ายการผลิตอีโคคาร์ในอดีตที่จะกำหนดระยะเวลา จำนวนรถยนต์ เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถเตรียมแผนการผลิตได้ คาดว่าจะเริ่มเห็นการลงทุนปี 2562″นายณัฐพลกล่าว
นายณัฐพลกล่าวว่า สาเหตุที่เร่งผลักดันอีโคอีวี เพราะจากสนับสนุนอีวีในช่วงที่ผ่านมาพบว่า หลักการในการสนับสนุนของแต่ละหน่วยงานพบว่ายังมีข้อที่ไม่สอดรับกับการผลิตจริง ทำให้ปัจจุบันผู้ผลิตยังเน้นผลิตรถยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด ยังไม่มุ่งสู่อีวีมากนัก ประกอบกับอีโคคาร์ถือเป็นโปรดักส์แชมป์เปี้ยนของไทย สร้างงานให้กับคนไทย และมีราคาที่ประชาชนทั่วไปจับต้องได้ แต่ปัจจุบันกลับมีอัตราภาษีสูงกว่ารถอีวีค่อนข้างมาก ดังนั้นการทำอีโคอีวีจะเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งอุตสาหกรรมยนต์ที่มุ่งสู่อีวีเร็วขึ้นตามเทรนด์ของโลกโดยฐานผลิตอยู่ในไทย และยังสามารถผลิตรถยนต์อีวีขนาดเล็กที่ทำให้ประชาชนทั่วสามารถซื้อได้
นายณัฐพลกล่าวว่า อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาหลังคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติยุทธศาสตร์ยานยนต์แห่งอนาคตที่มุ่งสู่อีวีนั้น พบว่า มีผู้ผลิตรถยนต์ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนกับบีโอไอจำนวน 8 ราย มูลค่าลงทุน 37,858.42 ล้านบาท กำลังการผลิต 404,700 คัน แบ่งเป็น โตโยต้าลงทุนไฮบริด 16,608 ล้านบาท กำลังการผลิต 70,000 ล้านบาท เมอร์เซเดสเบนซ์ลงทุนปลั๊กอินไฮบริด 268 ล้านบาท กำลังการผลิต 8,700 ล้านบาท บีเอ็มดับบลิวลงทุนปลั๊กอินไฮบริด 705 ล้านบาท กำลังการผลิต 33,000 คัน ฮอนด้าลงทุนไฮบริด 4,221 ล้านบาท กำลังการผลิต 45,000 คัน นิสสันลงทุนไฮบริด 6,000 ล้านบาท กำลังการผลิต 73,000 ล้านบาท ฟอมม์ลงทุนอีวี 686 ล้านบาท กำลังการผลิต 30,000 คัน เอ็มจีลงทุนปลั๊กอินไฮบริด 971 ล้านบาท กำลังการผลิต 10,000 คัน และบริษัทออโต้อัลลายซ์แอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด(เอเอที) ลงทุนไฮบริด 8,399 ล้านบาท กำลังการผลิต 135,000 คัน
