ชง’บิ๊กตู่’เคาะพีดีพีใหม่7ม.ค.นี้ พึ่งก๊าซพุ่ง53%-ผลิตไฟฟ้าขยะถึง900เมก

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเปิดงาน ฟิวเจอร์ เอเนอร์ยี่ เอเชีย 2018 ว่า กระทรวงพลังงานได้เตรียมความพร้อมเรื่องแนวทางการบริหารพลังงานที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี โดยเรื่องสำคัญที่กำลังดำเนินการคือ การเดินหน้าทำประชาพิจารณ์เป็นรายภูมิภาคเกี่ยวกับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) ฉบับใหม่ ที่จะปรับปรุงให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี โดยในแผนจะส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าเพื่อติดหลังบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ภาคประชาชน เพื่อให้เกิดผู้ผลิตไฟฟ้าโดยใช้นวัตกรรมเข้ามากขึ้น หรือกลุ่มสตาร์ทอัพไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านราคาไฟฟ้าที่เป็นธรรมกับผู้บริโภคมากที่สุด

“พีดีพีใหม่จะส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าเองมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะปรับกรอบการซื้อไฟฟ้าในรูปแบบใหม่ๆ โดยค่าไฟฟ้าในอนาคตจะต้องไม่สูงไปกว่าที่พีดีพีเก่าเคยกำหนดไว้ ขณะเดียวกันอนาคตคาดว่าการใช้พลังงานหมุนเวียนทดแทนก๊าซหรือฟอสซิลจะสูงขึ้น เนื่องจากต้องปฏิบัติตามข้อตกลงการประชุมแก้ไขการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (คอป 21) ที่มีเป้าหมายผลักดันการใช้พลังงานทดแทน” นายศิริกล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน แจ้งว่า พีดีพีฉบับใหม่จะเน้นส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าใช้เองในภาคประชาชนและส่วนที่เหลือสามารถขายเข้าระบบได้ โดยรูปแบบจะเป็นไมโครกริด คาดว่าจะมีการนำนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาระบบมากขึ้น ซึ่งภาพรวมของการรับฟังความคิดเห็นจะครบทุกภูมิภาคในสัปดาห์หน้า โดยจะจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งสุดท้ายที่กรุงเทพมหานครในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ หลังจากนั้นจะเตรียมสรุปผลส่งให้ นายศิริพิจารณาก่อนเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน พิจารณาในการประชุมครั้งต่อไปที่คาดว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 7 มกราคม 2562

รายงานข่าวระบุว่า สำหรับพีดีพีฉบับใหม่จะมีการเพิ่มสัดส่วน อาทิ ก๊าซธรรมชาติในปลายแผนจากเดิมที่ 37% เป็น 53% เนื่องจากในแผนพีดีพีจะยังไม่มีการบรรจุถ่านหินเข้าไปในแผนจนกว่าการศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (เอสอีเอ) แล้วเสร็จ จึงจะมีการปรับแผนต่อไปในอนาคต ขณะที่การผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ลอยน้ำได้มอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ดำเนินการในระยะแรกจะเริ่มต้นที่ 45 เมกะวัตต์ ในพื้นที่เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ส่วนขยะก็จะมีการเพิ่มสัดส่วนอีก 400 เมกะวัตต์ เป็น 900 เมกะวัตต์ เพิ่มจากแผนเดิมมีเพียง 500 เมกะวัตต์ โดยทั้งหมดยึดหลักการที่ค่าไฟฟ้าจะต้องไม่เป็นภาระแก่ประชาชน

Advertisement

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

เพิ่มเพื่อน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image