ลุ้นยอดใช้สิทธิเอฟทีเอ-จีเอสพีปี61 ทำสถิติสูงสุด ทะลุ7หมื่นล้านดอลล์

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ช่วง 10 เดือนแรก 2561 มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯรวม 62,418.19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์ฯ อยู่ที่ 75.0% ขยายตัว 8.98%จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) 58,391.46 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าการส่งออกภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) 4,026.73 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

นายอดุลย์ กล่าวว่า ในส่วนของความตกลงเอฟทีเอ 12 ฉบับ มีการใช้สิทธิประโยชน์ฯคิดเป็นมูลค่า 58,391.46 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 76.40% ของมูลค่าการส่งออกรวมภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไปยังประเทศคู่ภาคีความตกลง เพิ่มขึ้น 8.82 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.อาเซียน มูลค่า 22,409.14 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 2.จีน มูลค่า 14,708.27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 3.ออสเตรเลีย มูลค่า 7,837.44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 4. ญี่ปุ่น มูลค่า 6,338.03 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 5. อินเดีย มูลค่า 3,719.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เมื่อพิจารณาอัตราการขยายตัวของมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ พบว่าตลาดที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุด คือ เปรู ขยายตัว58.62% รองลงมาคือ อินเดียและเกาหลี มีอัตราการขยายตัว 23.58% และ 22.73% ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 3 ตลาดดังกล่าว นอกจากจะมีอัตราการขยายตัวสูงแล้ว ยังพบว่ามีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์สูงเช่นเดียวกัน สำหรับกรอบความตกลงการค้าเสรีที่มีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ไทย-ชิลี 103.77% 2. ไทย-ญี่ปุ่น 92.04% 3. ไทย-เปรู 90.54% 4. ไทย-ออสเตรเลีย 90.47% และ 5. อาเซียน-จีน 89.78% และรายการสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ รถยนต์บรรทุก ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ ทุเรียน น้ำตาลจากอ้อย และน้ำมันปิโตรเลียม

นายอดุลย์ กล่าวว่า ปี2562 คาดว่าจะมีความตกลงการค้าเสรีที่มีผลบังคับใช้เพิ่มเติมอีก 1 ฉบับ คือ อาเซียน-ฮ่องกง (AHKFTA) ซึ่งได้ข้อสรุปในการเจรจารอบสุดท้ายเดือนกรกฎาคม 2560 ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการภายในของแต่ละประเทศสมาชิก เพื่อให้มีผลบังคับใช้ โดยความตกลงฯ ดังกล่าว ถือเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ส่งออกไทยที่สนใจจะใช้เป็นช่องทางให้สินค้าไทยเจาะตลาดจีนและตลาดอื่นๆ โดยใช้ฮ่องกงเป็นประตูด้านการค้าและการลงทุนเชื่อมโยงไทยไปสู่ตลาดใหญ่อย่างจีนและตลาดในภูมิภาคอื่นทั่วโลก เนื่องจากฮ่องกงมีบทบาทสำคัญในนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน และได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ จากจีนภายใต้ความตกลงทางการค้ากับจีน รวมถึงมีความเชี่ยวชาญในภาคบริการ โดยเฉพาะด้านการเงิน การค้า และโลจิสติกส์ นอกจากนี้ยังมีเอฟทีเอใหม่ๆที่น่าติดตาม ซึ่งเพิ่งเริ่มเปิดการเจรจาและคาดจะมีการเจรจาที่มีความคืบหน้าอย่างมากในปี 2562 ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีไทย-ศรีลังกา และความตกลงการค้าเสรีไทย-ตุรกี ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าไทยและใช้เป็นประตูสู่การค้าและการลงทุนเชื่อมโยงไปภูมิภาคขนาดใหญ่ คือ เอเชียใต้ และสหภาพยุโรป

Advertisement

นายอดุลย์ กล่าวว่า สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (จีเอสพี) โดยในปัจจุบันไทยยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบจีเอสพี 5 ระบบ ประกอบด้วย สหรัฐฯ สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและเครือรัฐเอกราชนอร์เวย์ และญี่ปุ่น โดยช่วง 10 เดือนแรกปี 2561 มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP เท่ากับ 4,026.73 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราการใช้สิทธิ 59.38% ของมูลค่าการส่งออกที่ได้รับสิทธิ GSP ขยายตัว 11.36% โดยการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP สหรัฐอเมริกายังคงมีสัดส่วนการใช้สิทธิมากที่สุด คือประมาณ 90% ของมูลค่าการใช้สิทธิ GSP ทั้งหมด ซึ่งช่วง 10 เดือนแรกของปี มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP สหรัฐอยู่ที่ 3,606.77 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราการใช้สิทธิ 68.72% ของมูลค่าการส่งออกที่ได้รับสิทธิ GSP ซึ่งมีมูลค่า 5,248.55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.86 %จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา สินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ภายใต้ระบบ GSP สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ เครื่องดื่มอื่นๆ ถุงมือยาง อาหารปรุงแต่ง และรถจักรยานยนต์

นายอดุลย์ กล่าวว่า ส่งออกไทยจากนี้มีแนวโน้มต้องเผชิญกับความท้าทายจากความผันผวนและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ราคาน้ำมันโลก ความผันผวนของนโยบายการค้า และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ยังไม่มีความชัดเจน และอาจกระทบในวงกว้างต่อความเชื่อมั่นทางการค้าและการลงทุน แต่กรมฯเชื่อมั่นว่าสินค้าไทยยังมีโอกาสส่งออกไปตลาดจีนรและตลาดอื่นๆ ทำให้ทั้งปี 2561 การใช้สิทธิประโยชน์ฯขยายตัว 9% มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ 70,794 ล้านเหรียญสหรัฐฯตามคาดการณ์ แม้อัตราขยายตัวต่ำกปีก่อนที่ขยายตัวได้กว่า 14% แต่ในแง่มูลค่าถือว่าสูงสุด ซึ่ง10 เดือนแรกทำได้แล้ว 88.2% ของเป้าหมาย ถือว่าน่าพอใจ สำหรับปี 2562 คาดว่าทั้งการใช้สิทธิประโยชน์ฯจีเอสพีและเอฟทีเอ จะขยายได้ 10% หรือมูลค่ากว่า 7.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

Advertisement

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image