สวรรค์บนดินที่เอื้อมถึง… จางเจียเจี้ย

ประตูสวรรค์

ด้วยการรังสรรค์จากธรรมชาติระยะเวลาหลายพันปีจากเทือกเขาหินที่เรียงรายเป็นทิวยาวถูกกัดกร่อนทำให้เกิดเป็นเสาหินควอตซ์สูงเสียดฟ้ากว่า 3,000 ต้น ส่วนใหญ่สูงเฉลี่ย 200-300 เมตร สูงสุดอยู่ที่ 1,250 เมตร ล้วนแปลกตาไม่ซ้ำกัน เป็นคำบรรยายถึง จางเจียเจี้ย (เรียกตามชื่อเมืองจางเจียเจี้ย) มณฑลหูหนาน ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 260 ตารางกิโลเมตร ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกทางธรรมชาติขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ตั้งแต่ปี 2535

ทั้งนี้ ทางการจีนได้จัดอันดับให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ AAAAA มีความสวยงามมากที่สุด เป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องเดินทางมาเยือนมาเห็นด้วยตาของตนเอง และยังเป็นแรงบันดาลใจที่ถูกนำไปเป็นฉากสำคัญใน “อวตาร” ภาพยนตร์ดังระดับโลกด้วย

ปลายฝนต้นหนาวที่ผ่านมา สายการบินไทยสมายล์ จัดทริปพาคณะสื่อมวลชนร่วมสัมผัสประสบการณ์เยือนดินแดนแห่งสรวงสวรรค์บนโลก “Paradise of Zhangjiajie” ในโอกาสเปิดเส้นทางการบินสู่เมืองฉางชา เมืองเอกของมณฑลหูหนาน ต่อเนื่องจากการเปิดเส้นทางการบินไปยังเมืองฉงชิ่ง เจิ้งโจว กว่างโจว และฮ่องกง

การขยายเส้นทางการบินในจีน ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญตามเป้าหมายการเป็นสายการบินภูมิภาคชั้นนำของทวีปเอเชียของไทยสมายล์ เพราะปริมาณนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น อย่างมาก รวมถึงรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวคนไทยที่มองหาเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แปลกใหม่ และจีนก็ยังเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่คนไทยมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

Advertisement

สำหรับการเดินทางจากประเทศไทย ถึงเมืองฉางชา ใช้ระยะเวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนการเดินทางไปยัง จางเจียเจี้ย ต้องเดินทางด้วยรถยนต์หรือรถบัสอีกราว 4-5 ชั่วโมง สามารถนั่งรถระยะยาว หรืออาจแวะพักกลางทางที่เมืองฉางเต๋อ (เมืองใหม่ที่ทางการจีนสร้างขึ้นรองรับนักท่องเที่ยว) แล้วค่อยเดินทางต่อ ส่วนใครที่ไม่ถนัดนั่งรถอย่าเพิ่งถอดใจ เพราะทางการจีนอยู่ระหว่างการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไปยังจางเจียเจี้ย ที่นอกจากสะดวก ยังย่นเวลาเดินทางด้วย

เริ่มต้นทริปจางเจียเจี้ย ด้วย ประตูสวรรค์ หรือ เทียนเหมินซาน โดยกระเช้าไฟฟ้าที่ไต่ระดับความสูงขึ้นไปตามเขาและหน้าผาจนถึงจุดสูงสุด ระยะทาง 7.5 กิโลเมตร ที่จะได้สัมผัสวิวของธรรมชาติในระดับเบิร์ดอาย ให้ความรู้สึกสวย-เสียว เมื่อมองลงด้านล่างจะเห็นเส้นทาง 99 โค้ง หรือถนนลำไส้ ใช้เวลาราว 40 นาที ถึงจุดชมวิวที่สามารถเดินลัดเลาะไปรอบเขา

จุดสำคัญที่พลาดไม่ได้สำหรับคนที่ชอบความท้าทาย คือ ระเบียงแก้ว ความยาว 60 เมตร เป็นสะพานกระจกใสมองลงไปเห็นยอดไม้ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูง จุดนี้ต้องสวมถุงผ้าหุ้มรองเท้าเพื่อกันลื่นและง่ายต่อการทำความสะอาด

Advertisement

เมื่อเดินมาอีกจะถึงอุโมงค์บันไดเลื่อนที่เจาะอยู่ภายในภูเขา ทอดยาวลงมาหลายชั้นเพื่อส่งต่อเราลงไปยังพื้นที่ประตูสวรรค์ ลักษณะเป็นถ้ำทะลุภูเขาทั้งสองด้าน เกิดจากการระเบิดเองตามธรรมชาติ มีความสูง 131.5 เมตร ความกว้าง 57 เมตร ความลึก 60 เมตร จุดนี้มักจะมีการมาท้าพิสูจน์และสร้างสถิติโลก ทั้งการขับเครื่องบินลอด การไต่เชือกตัวเปล่า เป็นต้น

เป็นธรรมดาที่จะมีความเชื่อว่าหากได้ผ่านประตูสวรรค์นี้จะโชคดี ผู้คนส่วนใหญ่ที่ผ่านประตูนี้มักจะอธิษฐานขอพรเพื่อให้สมปรารถนาและประสบความสำเร็จ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้หากยังมีแรงเหลือสามารถเดินลงบันได 999 ขั้น ด้านหน้าประตูสวรรค์ แต่ต้องระวังเพราะบันไดค่อนข้างชัน หรือสามารถเลือกใช้บันไดเลื่อนเพื่อลงมาด้านล่างได้โดยเป็นลานกว้างสามารถมองย้อนกลับขึ้นไปจะเห็นถ้ำที่ทะลุภูเขาสวยงามยิ่งใหญ่

ถนนลำไส้

ความสนุกยังไม่หมดเพียงเท่านี้เพราะขาลงต้องนั่งรถผ่านถนนลำไส้ที่ด้านหนึ่งเป็นหน้าผาและด้านหนึ่งเป็นเหวลึก ยิ่งช่วงเข้าโค้งหรือจังหวะมีรถสวนทำให้ตื่นเต้นเรียกเสียงกรี๊ด เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำว่า “ตกสวรรค์” เป็นเช่นไร (ฮา)

เขาอวตาร

เช้าวันถัดมา คณะเดินทางไปยังอุทยานจางเจียเจี้ย โดยนั่งรถชัตเติลบัสของอุทยานฯ เพื่อไปขึ้นเขาด้วยลิฟต์แก้วไป่หลง เป็นลิฟต์ 2 ชั้น ได้รับการบันทึกลงกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดว่าเป็นลิฟต์แก้วแบบเอาต์ดอร์ที่สูงที่สุดในโลก ถึง 326 เมตร และยังเร็วที่สุดในโลก พาเราทะยานจากพื้นดินสู่ฟากฟ้าใช้เวลาแค่ 2 นาทีเท่านั้น มุมมองจากด้านบนจะเห็นยอดเขาที่ตั้งตระหง่านใหญ่โตมโหฬาร มองผ่านเลนส์ได้ภาพที่สวยงามแต่ยังไม่เท่าตาเห็น จุดไฮไลต์ที่แฟนภาพยนตร์อวตารต้องไปชม คือ ยอดเขาอวตาร หรือ เขาเทียนจื่อซาน เป็นเสาหินใหญ่ที่ตั้งโดดเด่นด้วยความสูงและหมอกที่ปกคลุมอยู่ส่วนล่างของเสาหินนี้ให้ความรู้สึกว่า เสาหินลอยอยู่กลางอากาศ เป็นฉากที่ถ่ายทอดออกมาของภาพยนตร์ อีกจุดหนึ่งคือ เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว หรือ สะพานใต้หล้าอันดับหนึ่ง จากการกัดเซาะของลมและฝนทำให้ดินและหินส่วนล่างสลาย มองเห็นเป็นสะพานหินธรรมชาติเชื่อมสองยอดเขา เส้นทางท่องเที่ยวบนเขาสามารถเที่ยวชมโดยรอบได้ในลักษณะเส้นทางวนเป็นวงกลมและเดินทางกลับเส้นทางเดิม ด้วยลิฟต์แก้วและรถชัตเติลบัส

สะพานแก้ว

อีกจุดที่ต้องไม่พลาด คือ สะพานแก้วแห่งจางเจียเจี้ย ความยาว 430 เมตร สูง 300 เมตร และกว้าง 6 เมตร เป็นสะพานแขวนพื้นกระจกเชื่อมสองยอดเขา ด้วยเทคนิคและนวัตกรรมการก่อสร้างสุดล้ำจากฝีมือคน ถือเป็นสะพานแก้วที่ยาวและสูงที่สุดในโลก และวัดใจนักท่องเที่ยวด้วยกระจกใสถึง 99 แผ่น แต่หากขาสั่นสามารถเดินบนพื้นที่ที่เป็นโครงเหล็กได้ สำหรับการเที่ยวชมต้องสวมถุงผ้าหุ้ม และไม่อนุญาตให้นำกล้องถ่ายรูปและแท็บเล็ตเข้าในพื้นที่ จุดนี้ถือเป็นจุดชมวิวที่ทำให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและความทะเยอทะยานของคนในเวลาเดียวกัน

อีกหนึ่งไฮไลต์ คือโชว์กลางแจ้งที่ใช้ภูเขาเป็นฉากธรรมชาติ เรื่องราวความรักระหว่างนางพญาจิ้งจอกขาวกับมนุษย์ชายหนุ่ม ใช้นักแสดงกว่า 600 ชีวิต แสงสีเสียงตระการตา และยังมีการใช้เทคโนโลยีการสร้างภาพ 3 มิติ โฮโลแกรมประกอบการแสดงด้วย

เที่ยวเต็มอิ่ม ก่อนกลับสายช้อปปิ้งสามารถละลายทรัพย์ก่อนกลับได้ที่ถนนคนเดิน ห่วงชิงลู่ ใจกลางเมืองฉางชา เช่นเดียวกับสายกิน ที่ต้องไม่พลาดอาหารท้องถิ่นอย่างเต้าหู้เหม็น หม่าล่าเซาเข่า หรือปิ้งย่างแบบจีนที่มีเนื้อสัตว์ให้เลือกหลายชนิดปิ้งพร้อมโรยผงหม่าล่าเผ็ดร้อนตามแบบฉบับหูหนาน

สำหรับการเที่ยวจางเจียเจี้ยในแต่ละฤดูก็จะให้ความรู้สึกและบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป แต่ไม่ว่าจะเป็นฤดูใด ถือเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าที่ต้องลองสักครั้งในชีวิต เพราะความงามตามธรรมชาติและความสูงเสียดฟ้าของแต่ละสถานที่ที่ไปเยือน ทิวทัศน์ที่ปรากฏแก่สายตา ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใดหากจะบอกว่า…มาถึงสวรรค์แล้ว!

 

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image