เมื่อวันที่ 7 มกราคม นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.96 บาทต่อดอลลาร์ สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจาก 32.05 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อน ในสัปดาห์นี้มีเรื่องที่ต้องติดตามทั้งการเจรจาการค้าและเศรษฐกิจสหรัฐ โดยวันนี้ผู้แทนการค้าของฝั่งสหรัฐจะเดินทางไปกรุงปักกิ่ง เพื่อหาข้อตกลงในด้านการค้ากับจีน เตรียมสำหรับการพบกันระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์และสี จิ้งผิงซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังมาตรการชะลอการเก็บภาษีของสหรัฐสิ้นสุดในปลายเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้ ก็จะมีการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อนอกภาคการผลิตในสหรัฐ คาดว่าจะปรับลดลงเพียงเล็กน้อยมาที่ 59จุด ดีกว่าภาคอุตสาหกรรมเนื่องจากไม่ได้รับแรงต้านจากสงครามการค้าและเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่
นายจิติพล กล่าวว่า วันที่ 9 มกราคม การแถลงรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ ในเดือนธันวาคม ตลาดกำลังจับตาไปที่ความเห็นของเฟด และตั้งคำถามว่าความผันผวนในปัจจุบัน ต้องมีนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เช่นการหยุดขึ้นดอกเบี้ย เข้ามาสนับสนุนหรือไม่ และวันที่ 11 มกราคม ตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐ คาดว่าจะปรับตัวลง 0.2% ในเดือนธันวาคมจากผลของราคาน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐยังน่าจะทรงตัวได้ระดับ 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ในสัปดาห์นี้ การหารือเรื่องการค้ารวมถึงความคืบหน้าเรื่องงบประมาณของสหรัฐจะเป็นเรื่องที่ตลาดให้ความสนใจมากที่สุด แม้ทั้งสองเรื่องจะไม่ได้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ แต่จะสร้างความผันผวนในตลาดแน่นอน ด้านค่าเงินบาท ในช่วงสั้นยังคงมีแรงกดดันจากการเคลื่อนย้ายเข้าสู่สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ เพราะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงและดอกเบี้ยสหรัฐที่อาจหยุดขึ้น จึงมีโอกาสไม่มากที่จะปรับตัวอ่อนค่ากลับได้ จุดที่ต้องติดตามคือภาพรวมสงครามการค้าและการเปิดรับความเสี่ยงของตลาดทุน ซึ่งถ้าทั้งคู่มีแนวโน้มดีขึ้นอีก อาจยิ่งหนุนให้เงินบาทแข็งค่าลงต่อได้ต่อ กรอบเงินบาทระหว่างวัน 31.90 – 32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ” นายจิติพล กล่าว
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
