นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินโครงการะเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (อีเอฟซี) ว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ได้หารือถึงแนวทางในการพัฒนาอีเอฟซีให้เกิดเป็นรูปธรรมภายในปี 2564 และเพื่อต่อยอดให้ไทยเป็นผู้ส่งออกผลไม้อันดับ 1 ของโลก จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 2 ของโลก มีสัดส่วนการส่งออก 20% รองจากชิลีที่ส่งออกอันดับ 1 สัดส่วน 21% เบื้องต้นได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการแล้ว (ฟีสซิบิลิตี้ สตัดดี้) และในปีนี้จะดำเนินการศึกษากลไกตลาด เชิญชวนผู้ประกอบการมาร่วมดำเนินการ ใช้งบประมาณดำเนินงาน 20 ล้านบาท และจะขอการสนับสนุนจากภาคเอกชนขนาดใหญ่ในภาคตะวันออกประมาณ 20-30 ล้านบาทในการดำเนินการ ส่วนปี 2563 คาดว่าจะใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
นายพสุกล่าวว่า รูปแบบโครงการจะมีตลาดกลางให้เกษตรกรและโรงงานอุตสาหกรรมได้แลกเปลี่ยนสินค้า มีการลงทุนห้องเย็นขนาดใหญ่ โดยเบื้องต้นมี บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) สนใจลงทุนห้องเย็นมูลค่าหลายร้อยล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อเกษตรกรที่จะขายได้ในราคาที่เป็นธรรม และผู้ประกอบการที่จะได้สินค้าที่มีคุณภาพ
“เมื่อเร็วๆนี้ได้หารือกับนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ได้รับตอบรับอย่างดี โดยวันที่ 9 มกราคมนี้จะนำเสนอความคืบหน้าโครงการอีเอฟซีต่อนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พิจารณา”นายพสุกล่าว
