เมื่อวันที่ 14 มกราคม นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.93 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อน โดยยังเป็นการแข็งค่ามากที่สุดที่ระดับ 7 เดือน ในสัปดาห์นี้แนะนำจับตาผลโหวตเบร็กซิท ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 มกราคมนี้ ตลาดเชื่อว่าข้อตกลงดังกล่าวจะถูกโหวตไม่รับรองในสภาอังกฤษ ในกรณีพื้นฐานเชื่อว่าจะมีข้อแก้ไขให้นายกรัฐมนตรี และจะต้องนำร่างใหม่กลับเข้ามาเพื่อขอมติอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาด
นายจิติพล กล่าวว่า วันที่ 16 มกราคม รายงานเงินเฟ้อในอังกฤษ คาดว่าจะปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยในอังกฤษลดลงตามไปด้วย และวันที่ 17 มกราคม คาดว่าธนาคารกลางอินโดนีเซีย จะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 6.0% หลังจากปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นถึง 1.75% ในปีก่อน เนื่องจากช่วงนี้ ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยช้าลง และค่าเงินอินโดนีเซียรูเปียห์ก็ปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 4.2% ในช่วงต้นปีนอกจากนี้ ด้วยราคาน้ำมันที่ลดลงจะทำให้เงินเฟ้อในญี่ปุ่น ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนด้วย ถือว่าต่ำกว่าเป้าหมาย 2.0%ของธนาคารกลางญี่ปุ่นอยู่มาก ชี้ว่าแทบจะไม่มีโอกาสที่จะเห็นการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดในญี่ปุ่นปีนี้
“ตลาดการเงินสัปดาห์นี้แน่นอนว่ายังต้องจับตาภาพรวมการเมืองสหรัฐ ที่วุ่นวายกับปัญหาการปิดทำการของหน่วยงานราชการหรือชัตดาวน์ยาวนานที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ พร้อมกับรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มการเงิน ทั้งสองเรื่องเป็นแรงกดดันกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเมืองในยุโรป บวกกับตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกที่เป็นขาลง จะเป็นปัจจัยที่พยุงดอลลาร์ไม่ให้อ่อนค่าเร็วด้วยเช่นกันในส่วนของค่าเงินบาทช่วงนี้เคลื่อนไหวในกรอบกว้าง ในระยะสั้นการซื้อขายตามฤดูกาลของผู้ส่งออก ยังถือเป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินบาทกรอบเงินบาทระหว่างวัน 31.85 – 32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และกรอบเงินบาทในสัปดาห์ 31.60 – 32.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ” นายจิติพล กล่าว
