‘บิ๊กตู่’เคาะ5โครงสร้างพื้นฐานอีอีซีได้ผู้ดำเนินการทั้งหมดไม่เกินเม.ย.62 เร่งผังเมือง-สุขภาพชุมชน 

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(บอร์ดอีอีซี) ครั้งที่ 1/2562 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 23 มกราคม ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบความคืบหน้า 5 โครงสร้างพื้นฐานหลักในพื้นที่ที่มีเอกชนร่วมลงทุนตามเป้าหมาย โดยโครงการแรกรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผ่านการประเมินข้อเสนอ จะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคมนี้ โดยอัยการจะตรวจร่างสัญญาแล้วเสร็จ อนุมัติผลการคัดเลือกภายในเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)

นายคณิศกล่าวว่า ต่อมาโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก กำหนดให้เอกชนยื่นข้อเสนอในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ คาดว่าจะได้ผู้ผ่านการประเมินภายในกลางเดือนเมษายน โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ท่าเทียบเรือ F หลังมีผู้สนใจยื่นข้อเสนอ 1 ราย และไม่ผ่านการประเมินคุณสมบัติ จะประกาศเชิญชวนเชิญชวนการคัดเลือกเอกชนอีกครั้งวันที่ 24 มกราคม ขายเอกสารคัดเลือกเอกชนฉบับแก้ไข 28 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ โดยให้เอกชนยื่นข้อเสนอใหม่วันที่ 29 มีนาคม คาดว่าจะได้ผู้ผ่านการประเมินภายในเดือนเมษายน 2562 โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 เอกชนยื่นข้อเสนอในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ คาดว่าจะประกาศผู้ผ่านการประเมินภายในเดือนมีนาคมนี้ และโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา อยู่ระหว่างให้เอกชนส่งคำถามผ่านอีเมลถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ และเปิดให้ตรวจสอบข้อมูลโครงการ ถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์หลังจากนั้นจะเปิดซองข้อเสนอจากบริษัท Airbus S.A.S. ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ และประเมินข้อเสนอแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

นายคณิศกล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบการรับฟังความคิดเห็นประชาชน (ร่าง) แผนผังพัฒนาอีอีซี โดยสกพอ. และกรมโยธาธิการ ได้รับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะของผู้มีส่วนได้เสีย ประชาชน และชุมชน ที่เกี่ยวข้องมาแล้ว 4 ครั้ง มีผู้เข้าร่วมกว่า 400 คน ซึ่งได้ข้อสรุปเห็นด้วยกับแนวทางในการจัดทำแผนผังดังกล่าว โดยให้เตรียมพื้นที่รองรับให้เพียงพอกับการขยายตัวของภาคเศรษฐกิจและการแบ่งโซนพื้นที่ รวมทั้งกระจายผลประโยชน์ให้ประชาชนอย่างทั่วถึงและเพิ่มเรื่องการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังรับทราบการจัดทำแผนยกระดับสุขภาพประชาชนในพื้นที่อีอีซี เพื่อให้ประชาชนทุกคนในพื้นที่ได้รับความคุ้มครองด้านการบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึง เสมอภาคกัน มีมาตรฐาน และเพียงพอกับความต้องการ นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ปี 2561 มีมูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนมากกว่า 6.7 แสนล้านบาท คิดเป็น 75% ของการลงทุนทั้งประเทศ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image