‘นกหัสดีลิงค์-ขนบอีสาน’ ถึงสิ้นสุดงาน “หลวงพ่อคูณ” แต่ถูกปัดฝุ่นให้กลับมาคึกคักอีก “นิยม”มั่นใจงานวิจัยชิ้นนี้โด่งดังระดับโลก
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานจากฌาปนสถานชั่วคราววัดหนองแวงพระอารามหลวง ภายในเกาะกลางน้ำ บริเวณด้านหลังพุทธมณฑลอีสาน ริมถนนเลี่ยงเมืองสายขอนแก่น-กาฬสินธุ์ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.)ร่วมกับ วัดหนองแวงพระอารามหลวง ใช้เป็นสถานที่ในการถวายเพลิงสรีรสังขารพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.ขอนแก่น โดยในการสร้างเมรุชั่วคราวภายในฌาปนสถานฯแห่งนี้ มข.ได้จัดสร้างขึ้นในรูปแบบของนกหัสดีลิงค์เทินบุษบกบนยอดเขาพระสุเมรุตามขนบอีสานของการถวายเพลิงพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่นั้นว่า ถึงแม้ว่าการถวายเพลิงหลวงพ่อคูณนั้นเสร็จสิ้นไปแล้วตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรม แต่ตลอดทั้งวันในวันนี้ยังคงมีพุทธศาสนิกชน คณะศิษยาศิษย์ รวมไปถึงผู้ที่ให้การเคารพเลื่อมใสศรัทธาในหลวงพ่อคูณ เดินทางมาชมเตาเผาสรีระสังขาร และศาลาที่ มข.ได้นำมาครอบเตาเผาไว้ โดยส่วนใหญ่ต่างพากันนั่งลงกราบ 3 ครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัวขณะที่บางคนเดินเก็บดอกไม้และเถ้าถ่านในการถวายเพลิงสรีรสังขารของหลวงพ่อคูณ เพื่อนำกลับบ้านตามความเชื่อในความเป็นมงคลให้กับตนเองและครอบครัวด้วย
รศ.ดร.นิยม วงษ์พงศ์คำ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินงานในความรับผิดชอบในการปฎิบัติตามพินัยกรมนั้นแล้วเสร็จทั้งหมด จากนี้ไปเป็นหน้าที่ของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่ได้มีการออกแบบอนุสรณ์สถานที่จะสร้างครอบในจุดที่มีการถวายเพลิงแห่งนี้ แต่ทั้งนี้ในเรื่องของการก่อสร้างและลำดับขั้นตอนต่างๆที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้นั้นคงต้องรอมติจากที่ประชุมร่วม มข.ในภาพรวมเสียก่อน แต่ถึงอย่างไรในการถวายเพลิงหลวงพ่อคูณที่ผ่านมานั้นเป็นที่ได้รับความสนใจจากสาธุชนทั่วทั้งโลกอย่างมาก ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว มข.ยืนยันชัดเจนในการทำตามพินัยกรรม ทุกข้อที่กำหนด เพราะความเรียบง่ายนั้นไม่ได้แปลว่ามักง่าย ซึ่ง ในการได้ข้อสรุปในการสร้างเมรุชั่วคราว ในรูปแบบนกหัดีลิงค์เทินบุษบกบนยอดเข้าพระสุเมรุ จึงเป็นแนวคิดที่อิงตามขนบอีสาน ที่มีผลงานวิจัยที่ชัดเจน ดังนั้น มข. จึงได้นำผลงานวิจัยชิ้นนี้มาใช้ในทางปฎิบัติ ทั้งยังคงควบคู่กับการศึกษาในงานวิจัยในขนบอีสานที่เป็นปัจจุบัน จนทุกอย่างลงตัวด้วยบารมีของหลวงพ่อคูณ จนให้งานดังกล่าวนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วย
“ต้องยอมรับว่าความเรียบง่ายนั้นไม่ได้แปลว่ามักง่าย การดำเนินงานทุกขั้นตอนในการที่จะถวายเพลิงเกจิอาจารย์ชื่อดังนั้น หลวงพ่อคูณ ท่านทรงสมณศักดิ์ที่ มข.นั้นจะถวายเพลิงในรูปแบบนกหัสดีลิงค์ ได้ ซึ่งในเมื่อได้ข้อสรุปคณะทำงานจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ทุกฝ่ายจึงได้กำหนดแนวทางและขั้นตอนการทำงาน ตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะการสร้างนกหัสดีลิงค์นั้นไม่ใช่แค่การสร้างนก แต่เป็นการสร้างนกที่ใช้งานและจะต้องเผาทำลายไปพร้อมกับสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ ผมต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้งานในด้านพิธีกรรมนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ผมเองก็ไหว้ขอพรหลวงพ่อทุกวันให้งานไหลลื่น และวันนี้ทุกคนนั้นได้หายเหนื่อยแล้ว และที่สำคัญคือการทำงานดังกล่าวนอกจากเป็นงานวิจัยในขนบอีสานแนวใหม่ที่เกิดขึ้นที่ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งด้านดี ด้านบวก ด้านลบ แรงปะทะต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ทั้งหมดก็เงียบสงบและเป็นไปตามพินัยกรรมที่หลวงพ่อกำหนด และวันนี้นกหัสดีลิงค์ที่เป็นขนบอีสานได้ถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้ง ที่เรียกได้ว่าได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกจริงๆ เพราะที่ผ่านมานกหัสดีลิงค์ นั้นคือขนบอีสานที่ไม่ค่อยได้เห็นมากนักแต่วันนี้คนรู้จักแล้วทั่วทั้งโลก”
รศ.ดร.นิยม กล่าวต่ออีกว่า การทำงานครั้งนี้ได้รับคำชมและกระแสชื่นชมที่มากกว่าละครออเจ้าเสียอีก ไปไหนมาไหนคนก็ถามถึงนกฯ ที่ไม่ใช่แค่การสร้างนก แต่ถามถึงที่มา ถามถึงประวัติ ถามถึงองค์ประกอบโดยรวมจนไปถึงพิธีการฆ่านก ทั้งหมด คือสิ่งที่กระแสคนรุ่นใหม่ และคนในยุคปัจจุบันที่ได้หวนกลับคืนมาดูรากเหง้าของความเป็นอีสาน เพราะ มข.ชัดเจนในการเป็นมหาวิทยาลัยที่อุทิศเพื่อสังคม โดยที่ไม่หลงของเก่าและไม่เมาของใหม่ ดังนั้นวันนี้หากไปค้นหาในโลกโซเชี่ยนมีเดียจะเห็นว่านกหัสดีลิงค์เทินบุษบก และเรื่องของนางสีดา เป็นสิ่งที่คนไทยและคนในหลายประเทศทั่วโลกนั้นได้ค้นหามากที่สุด อีกทั้งนกฯตัวนี้ เป็นนกที่เรียบง่าย สมเกรียติ สง่างามและไม่เหมือนใคร อย่างไรก็ตามจากการดำเนินงานในครั้งนี้ที่ถือเป็นงานวิจัยที่นักวิชาการของ มข. ทุกภาคส่วนนั้นได้ทำตามที่หลวงพ่อคูณ ท่านได้มอบหมายภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้ให้เกิดขึ้น จากนี้ไป จะเร่งสรุปผลการดำเนินงานดังกล่าวให้เป็นงานวิจัย เพื่อต่อยอดวิทยาทานงานวิจัยชิ้นนี้สู่สังคมทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติต่อไปและมั่นใจว่ากระแสความสนใจในเรื่องขนบอีสานที่เกิดขึ้นจากงานในครั้งนี้จะทำให้ความเป็นอีสาน ความเป็นคนอีสานนั้นไม่น้อยหน้าหรือไม่ด้อยไปกว่าภูมิภาคใดๆอย่างชัดเจน
