วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายจักกฤษณ์ เส็งจีน อดีตบุรุษไปรษณีย์ พร้อมนางรัดใจ เส็งจีน สองแม่ลูกชาว จ.กาญจนบุรี นำหลักฐานฟิล์มเอกซเรย์รอยบาดแผลจากกระสุนปืน เดินทางเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามหลังได้รับความไม่เป็นธรรม กรณีบุคคลอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ใช้กำลังและอาวุธปืนยิงข่มขู่ พร้อมกล่าวหาว่าพยายามที่จะชิงรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนแจ้งข้อหาหลายข้อ สร้างความหวาดกลัวและส่งผลต่อการใช้ชีวิต
นายจักกฤษณ์กล่าวว่า กลางดึกวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ขณะตนกำลังขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ ไปส่งเพื่อนในตัวเมืองกาญจนบุรี บนถนนลิ้นช้างเขาปูน ต.หนองหญ้า อ.เมือง เมื่อถึงที่เกิดเหตุหน้า ร.ร.เขาปูน ได้พบรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขับส่ายไปมา โดยตนที่กำลังขับตามหลังมาจึงชะลอรถและเตรียมแซงขวา แต่ในจังหวะเดียวกันถนนบริเวณดังกล่าวเป็นทางโค้ง ผู้ขับรถคันดังกล่าวจึงหันหลังมามองตน แล้วเสียหลักล้มลงเอง จากนั้นก็ชักอาวุธปืนออกมายิงใส่ตนกับเพื่อน กระสุนถูกตัวรถแตกกระจาย กระเด็นเข้าน่องขาซ้ายได้รับบาดเจ็บ และด้วยความตกใจเพื่อนของตนจึงกระโดดลงจากรถและวิ่งหลบเข้าไปในบ้านคนที่อยู่ข้างทาง ส่วนตนก็เร่งเครื่องหลบหนีไป
นายจักกฤษณ์กล่าวต่อว่า จากนั้นตนได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองกาญจน์ และระหว่างที่ตนกำลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน มีชายฉกรรจ์ 3-4 คน บุกเข้ามา อ้างตัวเป็นตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดและเป็นคนที่ยิงตน พร้อมขออายัดตัวตนเองไว้ไปสอบปากคำต่อที่สืบสวนจังหวัดระบุว่าตนใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่เพื่อชิงทรัพย์รถบิ๊กไบค์คันดังกล่าว ซึ่งตนปฏิเสธ ขณะที่เพื่อนของตนซึ่งหลบหนีซ่อนตัวอยู่นั้นก็ถูกชายอ้างตัวเป็นตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดจับกุมตัวไว้หลังเกิดเหตุและถูกตบหน้าภายในโรงพักขณะที่กำลังให้ปากคำด้วย
นายจักกฤษณ์กล่าวอีกว่า ภายหลังในวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา มีหมายจับส่งมาถึงตน เพื่อดำเนินคดีในหลายข้อหา ทั้งพยายามฆ่า, ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และพกพาไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
นางรัดใจ ผู้เป็นแม่ของนายจักกฤษ์ กล่าวว่า กลางดึกของวันที่ 15 มกราคม ขณะที่กำลังนอนหลับได้มีชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คน มาเคาะประตูบ้านและล้อมไว้ ก่อนจะตะโกนว่าลูกชายตนได้ใช้อาวุธปืนยิงตำรวจเพื่อพยายามชิงรถบิ๊กไบค์ หากพบเจอที่ไหนวิสามัญสถานเดียว ด้วยความตกใจตนจึงโทรศัพท์หาญาติที่เป็นทหารซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของนายจักกฤษณ์ เพื่อพาไปแจ้งความที่ สภ.เมือง
“เหตุที่เกิดขึ้นทำร้ายครอบครัวของตนทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะลูกชายเป็นคนดี ทำงานการเลี้ยงลูกเมีย มีงานที่มั่นคง หลังเกิดเหตุนี้ทำให้เขาถูกพักงานไม่มีกำหนด จากคนถูกกระทำกลับกลายเป็นผู้ต้องหา ทำให้รับไม่ได้ จะขอต่อสู้ให้ถึงที่สุด” นางรัดใจกล่าว และว่า มีพยานเห็นเหตุการณ์ในระหว่างเกิดเหตุหลายรายที่พร้อมเป็นพยานในคดีนี้ ขอวอนให้ตำรวจกองปราบทุกนายตรวจสอบคดีนี้และหากเป็นไปได้ขอให้โอนคดีมาอยู่ในความดูแลของกองบัญชาการสอบสวนกลาง เพราะเป็นคดีระหว่างประชาชนกับตำรวจ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับตน
ด้านพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้รับเรื่องไว้ในการตรวจสอบต่อไป
