จับยกแก๊งตุ๋นเก็งกำไรฟอเร็กซ์ เฟซบุ๊กชวนเปิดพอร์ต ผลตอนแทนสูงล่อ เหยื่อเป็นร้อยสูญ100ล้าน

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) ในฐานะรองผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รองผบช.ก. พล.ต.ท.ธีรพล คุปตานนท์ ผบช.ทท. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ปอศ. ร่วมกันแถลงจับกุมมิจแาชีพหลอกลงทุนเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศหรือ ฟอเร็กซ์

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า รับร้องเรียนจากประชาชนนับ 100 คน ตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพ หลอกลวงนำเงินมาลงทุนเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินตราต่างประเทศการันตีผลตอบแทนสูง มูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท เข้าข่ายกระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน จึงตรวจสอบข้อเท็จจริง และประสานพนักงานสอบสวน บก.ปอศ.ดำเนินคดี

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า​จากการสืบสวนทราบว่ามิจฉาชีพกลุ่มนี้ คือ บริษัท มาร์เก็ตเทียร์ เซอร์วิส จำกัด โดยนายพิตตินันท์ มีธง กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท นายธนัตถ์ บวรภัทรนันท์ นายพิเชษฐ์ หรือพัชรนันท์ โรจนเสถียร กับพวก โดยนายธนัตถ์  และนายพิเชษฐ์  กับพวก มีหน้าที่ร่วมกันชักชวนหาผู้ลงทุนเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือ Forex  โดยการโพสต์เฟซบุ๊ก ชื่อ “EA ARBITRAGE” การันตีกำไร ผลตอบแทนสูง ร้อยละ 25-40 ต่อเดือน หรือ ร้อยละ 5-15 ต่อสัปดาห์ ถ้าได้กำไรสามารถถอนกำไรได้ทุกสัปดาห์ หากขาดทุนจะเยียวยาให้เท่ากับเงินลงทุนที่ผู้ลงทุนได้ลงทุนไป จะต้องลงขั้นต่ำจำนวน 500-10,000 ดอลล่าห์สหรัฐ คิดอัตรา 1 เหรียญต่อ 33.80 บาท ถ้าได้ผลตอบแทน 100 เปอร์เซ็นต์ ผู้ลงทุนจะได้รับ 70 เปอร์เซ็นต์ หักค่าเทรด  30 เปอร์เซ็นต์ และค่าดูแลระบบคอมพิวเตอร์ เดือนละ 700 บาท มีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อโอนเงินไปยังบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งในช่วงแรกได้รับผล ตอบแทนจริงตามที่กำหนด ต่อมากลุ่มผู้ต้องหาไม่จ่ายผลตอบแทนตามที่ตกลงไว้ ผู้เสียหายบางรายถูกเทรดจนพอร์ตการลงทุนติดลบ บางรายไม่สามารถถอนผลกำไรจากพอร์ตการลงทุนได้ โดยกลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่าระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหา และหากผู้ลงทุนต้องการถอนผลกำไรจะต้องหาผู้ร่วมลงทุนได้เพิ่มเติมจึงจะถอนผลกำไรได้ หรือได้รับการเยียวยาคืนเงินต้นที่ลงทุนไป และบางรายถูกกลุ่มผู้ต้องหาปิดพอร์ตการลงทุนไป

รองผอ.ศปอส.กล่าวว่า ​ต่อมาทาง พนักงานสอบสวน บก.ปอศ.รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาต่อศาลอาญาในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง,ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”​ ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร.  ร่วมกับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจภูธรภาค 1 , 5 และ บก.ปอศ.บูรณาการกำลัง เข้าตรวจค้นที่ตั้งบริษัท มาร์เก็ตเทียร์ เซอร์วิส จำกัด บ้านพักผู้ต้องหา และสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา จำนวน 6 จุดทั่วประเทศ จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 รายในคดีนี้ ตรวจยึดทรัพย์สินมีค่าซึ่งเชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด มูลค่าประมาณกว่า 22 ล้านบาท นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป พร้อมแจ้งดำเนินคดีความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง”ระวางโทษ “จำคุกไม่เกิน3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83ความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน” ระวางโทษ “จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ระวางโทษ “จำคุก 5 – 10 ปี ปรับ 5แสน – 1 ล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่” ตาม พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4 , 5 , 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน “ระวางโทษ “จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2560 มาตรา 14(1)

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image