นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บิวท์ ทู บิวด์ บริษัทรับสร้างบ้าน ประกอบด้วย บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด บริษัท บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด และ บริษัท สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯวางเป้าหมายเติบโตปี2562 อยู่ที่ 900 ล้านบาท เท่ากับเป้าของปี 2561 ที่ยอดขายรวมของบริษัทต่ำกว่าเป้า 7 % ผลจากไตรมาส 4/2561 เศรษฐกิจแผ่วลง ลูกค้าจึงชะลอการตัดสินใจออกไปพอสมควร จาก 3 ไตรมาสแรกที่เศรษฐกิจค่อนข้างดีมากพอสมควร
นายสุธี กล่าวว่า ส่วนปี 2562 คาดว่าธุรกิจรับสร้างบ้านจะเติบโต 5-7% เพราะเศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงกระตุ้นจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน รวมถึงผลพวงจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ อาทิ อีอีซี และการเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น แม้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศปีนี้ จะมีความผันผวนสูงตามเศรษฐกิจโลก หรืออาจมีความเสี่ยงจากปัจจัยสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน รวมทั้งข้อสรุปของข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป(เบร็กซิท)ที่ยังมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะโตได้ 4-4.5%
นายสุธี กล่าวว่า บริษัทฯวางกลยุทธ์สำคัญของกลุ่ม บิวท์ ทู บิวด์ ที่นำมาใช้ ยังคงเน้นเรื่องการสร้างมาตรฐานของคุณภาพงานก่อสร้างและบริการในราคาที่คุ้มค่ากับผู้บริโภค โดยจะผลักดันการตลาดในรูปแบบครบวงจร ทั้งการตลาดแบบออฟไลน์ ที่เน้นจัดกิจกรรมเข้าถึงลูกค้าโดยตรง อาทิ กิจกรรมสร้างบ้าน ต้องเห็นบ้าน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจทุกขั้นตอนของการดำเนินการ รวมไปถึงการเข้าร่วมออกบูธแสดงสินค้าที่ในปีนี้ กลุ่มบริษัทฯยังคงวางกลยุทธ์เรื่องการออกบูธตลอดทั้งปีกว่า 10 งาน เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าได้ครบทุกพื้นที่ และการตลาดแบบออนไลน์ จะเดินหน้าพัฒนาปรับปรุงทั้งในส่วนของเว็บไซต์ทั้ง 3 บริษัทให้มีข้อมูลรายละเอียดแบบบ้านและข้อมูลที่จำเป็นอย่างครบถ้วน และทำการตลาดผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ
“การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศ ไม่ได้มีความกังวลมากนัก เพระเป็นการเปลี่ยนแปลงปกติ แต่อยากเห็นความต่อเนื่องของนโยบายและโครงการต่างๆของภาครัฐมากกว่า ปกติหากมีการเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่ มักรื้อนโยบายเก่าทิ้ง และเอานโยบายตนเองเข้ามาแทน ทำให้ไม่มีความต่อเนื่องเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่เอกชนกังวล” นายสุธี กล่าว
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว