นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวความคืบหน้าการประสานข้อมูลกับประธานกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออก 45 กลุ่มให้สำรวจสถานการณ์สมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการส่งออกที่ได้รับผลกระทบเงินบาทแข็งค่า ว่า นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท.ได้ประสานมาแล้ว ดังนั้นสัปดาห์นี้ตนจะเร่งหารือกับประธานกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกทั้ง 45 กลุ่มถึงสถานการณ์ค่าเงินบาท และจะให้ประธานแต่จะกลุ่มไปหารือกับสมาชิกอีกที ให้แต่ละกลุ่มพิจารณาอัตราค่าเฉลี่ยของเงินบาทที่เหมาะสม สามารถแข่งขันได้ รวมทั้งผลกระทบจากอัตราที่แข็งทำให้เกิดความเสียหายอย่างไร
“ตัวอย่างของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า อาทิ กลุ่มอาหารทะเลแปรรูป กลุ่มสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป เพราะเหล่านี้มีต้นทุนทั้งการใช้แรงงานเข้มข้น หรือต้นทุนวัตถุดิบในประเทศที่มีราคาสูงกว่าบางอุตสาหกรรม ประกอบกับส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ดังนั้นต้องให้ตัวผู้ประกอบการเป็นผู้ประเมินอัตราเฉลี่ยของเงินบาทที่ตนเองรับได้ รวมทั้งผลกระทบ ข้อเสนอในการแก้ปัญหา หลังจากนั้นส.อ.ท.จะนำมาประเมินหารือร่วมกันในที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร หลังจากนั้นจึงจะกำหนดท่าทีในการแก้ปัญหา ทั้งการรับมือด้วยตนเอง และการขอให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ”นายเกรียงไกรกล่าว
นายเกรียงไกรกล่าวว่า อย่างไรก็ตามสถานการณ์ค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าเชื่อว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มีมาตรการดูแลอยู่แล้ว แต่เพราะบางอุตสาหกรรมมีต้นทุนสูง กำไรไม่มาก จึงต้องการให้ธปท.ช่วยเหลือ หากกำไรสูงคงไม่ร้องขอให้ดูแล อย่างไรก็ตามส.อ.ท.ได้พยายามกระตุ้นให้ผู้ประกอบการหารือกับธนาคารที่ตนเองเป็นลูกค้าเรื่องการทำอัตราแลกเปลี่้ยนแบบคงที่ แต่ยอมรับว่ามีต้นทุนสูงจึงไม่จูงใจผู้ประกอบการรายย่อยมากนัก
