ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา น.ส. นิธิวดี มานิตกุล กงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ได้เดินทางไปส่งตัวนางแก้วมณี อาจอ หญิงชาวไทยที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์และเดินหลงทางไปถึงเมืองคุนหมิง ประเทศจีนเป็นระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร เดินทางกลับประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนางแก้วมณีฯ เดินพลัดหลงจากเชียงรายเข้าไปยังคุนหมิงทางเท้า และได้รับความช่วยเหลือจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิงและตำรวจยูนนานให้การดูแลรักษาพยาบาล โดยนางแก้วมณีฯ เดินทางกลับพร้อมกับนางสุชาดา อาจอ บุตรสาว ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในการเดินทางไปรับมารดาที่นครคุนหมิง และได้ส่งคู่แม่-ลูกดังกล่าวกลับ จ.เชียงราย ประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
นส.นิธีวดี กลสุลใหญ่ ณ นครคุณหมิงระบุว่า เรื่องราวครั้งนี้เกิดจากความมือร่วมใจของหน่วยงานต่างๆ ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายจีน ในการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง โดยมีลำดับเหตุการณ์ ดังนี้ 10 มกราคม 2562 นางแก้วมณีฯ ถูกพบโดยตำรวจมณฑลยูนนานระหว่างเดินอยู่บริเวณถนนรอบทางด่วนของนครคุนหมิง โดยพบเพียงบัตรประจำตัวประชาชน และไม่มีเอกสารการเดินทางอื่นๆ ติดตัว และเมื่อตรวจพบว่านางแก้วมณีฯ มีโรคประจำตัว ทางการจีนจึงไม่ส่งตัวไปยังสถานกักกันด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม แต่ให้พักอยู่บริเวณสถานีตำรวจในนครคุนหมิง โดยมีตำรวจจีนช่วยดูแล
ต่อมา เย็นวันที่ 14 มกราคม 2562 ทางการยูนนานได้แจ้งเรื่องให้สถานกงสุลใหญ่ฯ ทราบ และขอให้ช่วยตรวจสอบยืนยันสัญชาติของนางแก้วมณีฯ สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ประสานกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบข้อมูล พบว่านางแก้วมณีฯ เป็นบุคคลสัญชาติไทยจริง และกรมการกงสุลได้ช่วยประสานหน่วยงานต่างๆ ของไทย เพื่อติดตามหาญาติไปรับตัวนางแก้วมณีฯ เดินทางกลับไทย
วันที่ 15 มกราคม 2562 สถานกงสุลใหญ่ฯ ประสานตำรวจยูนนานเพื่อนัดหมายขอเข้าเยี่ยมนางแก้วมณีฯ และได้ขอพูดคุยกับนางแก้วมณีฯ ทางโทรศัพท์ พบว่าพูดจาวกไปวนมา ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าได้เดินเข้ามายังประเทศจีนแล้ว อีกทั้งไม่เข้าใจว่าสถานกงสุลใหญ่ฯ กำลังพยายามช่วยเหลืออยู่ สถานกงสุลใหญ่ฯ จึงได้หารือกับตำรวจยูนนาน และเห็นพ้องกันว่า จะร่วมกันนำนางแก้วมณีฯ ไปตรวจที่โรงพยาบาลจิตเวชนครคุนหมิงในวันถัดไป เพื่อจะได้จัดการให้ความช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสม
ในวันที่ 16 มกราคม 2562 สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ร่วมกับตำรวจยูนนานพานางแก้วมณีฯ ไปตรวจที่โรงพยาลจิตเวชฯ ซึ่งแพทย์ได้วินิจัยว่าเป็นโรคความจำเสื่อมจากความชรา และทางการจีนได้ช่วยเหลือให้นางแก้วมณีฯ พักอยู่ที่โรงพยาบาลโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ โรงพยาบาลมีสภาพค่อนข้างดี สะอาด ปลอดภัย และไม่แออัด
ต่อมาวันที่ 17 มกราคม 2562 สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ส่งล่ามไปช่วยนางแก้วมณีฯ สื่อสารกับแพทย์จีน เพื่อตรวจระดับความรุนแรงของโรคความจำเสื่อม พบว่านางแก้วมณีฯ มีอาการในระดับเริ่มต้น ซึ่งควรได้รับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป ก่อนที่ในวันถัดมา สถานกงสุลใหญ่ฯ จะได้รับการประสานงานจากสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จ. เชียงราย ว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะนำบุตรสาวของนางแก้วมณีฯ เดินทางมารับตัวนางแก้วมณีฯ กลับประเทศไทย ซึ่งสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ประสานงานกับฝ่ายยูนนานเพื่อกำหนดวันส่งตัวกลับไทยหลังวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ตรวจสอบเอกสารที่ฝ่ายไทยต้องจัดเตรียม และขอรับการยืนยันเกี่ยวกับความพร้อมด้านสุขภาพของนางแก้วมณีฯ ในการเดินทางโดยเครื่องบิน นอกจากนี้ ยังได้ออกหนังสือถึงสถานกงสุลใหญ่จีนประจำ จ. เชียงใหม่ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกการออกวีซ่าสำหรับบุตรสาว โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ประสานความคืบหน้าในเรื่องนี้กับกรมการกงสุล สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวฯ และทางการจีนอย่างต่อเนื่อง
วันที่ 30 มกราคม 2562 สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมนางแก้วมณีฯ ที่โรงพยาบาลฯ และได้ออกเอกสารสำคัญประจำตัว (C.I.) ให้นางแก้วมณีฯ สำหรับใช้เดินทางกลับประเทศไทย
ต่อมาในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 บุตรสาวนางแก้วมณีฯ พร้อมผู้แทนจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (พ.ต.ท. เรืองชัย เรืองไพศาล สารวัตร ตม. เชียงราย และ ร.ต.อ. (หญิง) จารุวรรณ วงศ์สุวรรณ รองสารวัตรฯ) เดินทางถึงท่าอากาศยานนครคุนหมิง โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งรวมถึงการไปรับคณะที่สนามบิน และการจัดเตรียมเอกสารสำหรับใช้รับตัวนางแก้วมณีฯ จากทางการจีน
จนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ประสานฝ่ายยูนนานเพื่อนำคณะเข้าเยี่ยมนางแก้วมณีฯ ที่โรงพยาบาลจิตเวชฯ ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความตื้นตันที่แม่-ลูกได้พบกันอีกครั้ง ภายหลังจากที่นางแก้วมณีฯ ได้เดินออกจากบ้านที่ จ.เชียงรายมานานถึง 8 เดือน และได้นัดหมายการส่งมอบตัวนางแก้วมณีฯ เพื่อกลับประเทศไทย
และล่าสุดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 กงสุลใหญ่ฯ เดินทางไปยังท่าอากาศยานนครคุนหมิง เพื่อรอรับมอบตัวนางแก้วมณีฯ จากทางการยูนนาน พร้อมด้วยบุตรสาวและผู้แทนตรวจคนเข้าเมือง จ.เชียงราย และส่งขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย
นส.นิธีวดี ระบุว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ สะท้อนถึงการประสานงานอย่างแข็งขันระหว่างสถานกงสุลใหญ่ฯ กรมการกงสุล ตรวจคนเข้าเมือง จ.เชียงราย และสำนักงานหนังสือเดินทาง จ.เชียงราย โดยได้รับความช่วยเหลืออย่างดีจากกรมความมั่นคงสาธารณะมณฑลยูนนานและเจ้าหน้าที่ตำรวจมณฑลยูนนาน ประเทศจีน
