เมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ต.ท.บุญเรือง พันธนู สารวัตรสอบสวนสภ.ธัญบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีชาวเมียนมาใช้มีดแทงตัวเองเสียชีวิต บริเวณแคมป์พักคนงานของบริษัท กรดา จำกัด เลขที่ 34/38 ม.4 ต.บึงสนั่น อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.ธัญบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 แพทย์โรงพยาบาลธัญบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
ที่เกิดเหตุเป็นแคมป์พักคนงาน 2 ชั้น บริเวณชั้นที่ 2 ห้องที่ 11 พบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อนายเมือง ดเวย์ อายุ 44 ปี สัญชาติเมียนมา สภาพศพนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพัก มีเลือดกระเด็นออกมาเป็นจำนวนมาก ตรวจสอบตามร่างกายพบมีบาดแผลที่ท้องและคอเป็นแผลฉกรรจ์ และพบมีดพกผู้ตายนอนทับอยู่ 1 เล่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และที่หน้าห้องก็ยังพบรอยเลือดอีกเช่นกัน
จากการสอบถามนางสาวอัมภา จูใย อายุ 35 ปี คนดูแลแคมป์คนงานของบริษัทบอกว่า มีคนงานที่นั่งกินเหล้ากันอยู่ด้านล่างมาบอกกับตนว่ามีคนงานเมียนมาถูกแทงเสียชีวิต ตนจึงไปตรวจสอบบนห้องผู้ตายก็พบว่าห้องเปิดอยู่และเห็นภาพของผู้ตายนอนจมกองเลือด ทราบว่าผู้ตายมานั่งดื่มเหล้าเพราะเงินเดือนออกและได้ไปหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับภรรยาที่กำลังทำงานอยู่ จนหัวหน้างานบอกให้ทั้งคู่กลับไปห้องพักเพราะไม่อยากให้คนงานมาทะเลาะกันในโรงงาน โดยปกติแล้วผู้ตายจะเป็นคนเงียบๆ แต่ถ้าดื่มเหล้าเข้าไปก็จะทะเลาะกับภรรยาตลอด
ด้านนางตริง อายุ 30 ปี สัญชาติพม่า ภรรยา กล่าวว่า หลังจากกลับมาห้องสามีก็ชวนทะเลาะและยังพูดอีกว่าจะฆ่าให้ตาย ก่อนจะมีอาการฉุนเฉียวอย่างรุนแรงพร้อมกับใช้ไม้ตีที่ศีรษะ แขน ขาตนเอง ซึ่งตนเห็นท่าไม่ดีจึงเปิดประตูห้องวิ่งลงมาด้านล่างที่มีคนงานนั่งดื่มสุราอยู่เพื่อความปลอดภัย กระทั่งมีคนงานเดินผ่านห้องตนซึ่งอยู่ติดกับบันไดทางลง เห็นภาพสามีนอนคว่ำจมกองเลือดอยู่จึงไปเรียกเพื่อนคนงานมาดูก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงได้ประสานหัวหน้างานและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นคาดว่ากินเหล้าแล้วเกิดคลุ้มคลั่งกระทั่งทำร้ายตนเองจนเสียชีวิต
ด้าน พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.ธัญบุรี หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว กล่าวว่า เชื่อว่าคนงานพม่าน่าจะฆ่าตัวตายเองและจะนำภรรยาผู้ตายไปสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง และได้ให้อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
