สภาพัฒน์มองแนวโน้มบาทอ่อนค่าช่วงครึ่งปีหลัง’62

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่า เป็นผลจากการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนหลังจากที่ไทยประกาศเดินหน้าการเลือกตั้งตามโรดแมปที่วางไว้ รวมทั้ง ผลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่เดิมแนวโน้มอาจจะขึ้นถึง 3-4 ครั้ง ชะลอลงมาเป็นปรับขึ้นราว 1-2 ครั้ง ทำให้นักลงทุนกลับมาลงทุนในตลาดเกิดใหม่ โดย สศช. ประเมินแนวโน้มค่าเงินบาทปีนี้คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 31.50 – 32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่คาดไว้ 32.50 – 33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

นายทศพร กล่าวว่า คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 แนวโน้มค่าเงินบาทจะปรับอ่อนค่าลงได้ จากการที่เฟดเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายคาดเห็นในช่วงมิถุนายนและธันวาคม จะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มเงินไหลออกจากไทยส่งผลให้เงินบาทอาจจะอ่อนค่า ส่วนแรงกดดันค่าเงินบาทแข็งค่าจากดุลเดินสะพัดนั้น คาดจะลดลงเนื่องจาก ปี 2562 คาดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 6.2% ลดลงจากปี 2561 ที่เกินดุล 7.4% แต่ปี 2560 เกินดุลสูงถึง 11%

“เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของไทยที่แข็งแกร่งทำให้ยังมีความต้องการเข้ามาลงทุนในไทย อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทอาจจะเปลี่ยนแปลงได้จากทั้งทิศทางนโยบายดอกเบี้ยของประเทศต่าง ๆ สงครามการค้าสหรัฐและจีน เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและค่าเงินหยวนอ่อนค่า เป็นต้น เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังและติดตามใกล้ชิด รวมทั้งมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน” นายทศพร กล่าว

เกาะกระแสเศรษฐกิจใกล้ตัว กับมติชน คลิ๊ก!

Advertisement

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image