นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกไทยเดือนมกราคม 2562 มีมูลค่า 18,994 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 5.7% ผลมาจาก 5 ปัจจัยหลัก คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน กระทบต่อการส่งออกไทยหายไป 240.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ราคาน้ำมันโลกลดลงกระทบต่อราคาสินค้าเกี่ยวกับน้ำมันลดลง 9.6% ทองคำลดลง 36% ปัญหาการส่งออกรถยนต์ไม่ทันคำสั่งซื้อโดยต้องส่งมอบ 1 แสนคันแต่ทำได้ 8 หมื่นคัน และค่าเงินบาทแข็งค่า กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคากับตลาดโลกโดยเฉพาะสินค้าเกษตร
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่าขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 23,063 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 13.99% จึงทำให้เดือนมกราคม ไทยขาดดุลการค้าในรอบ 6 ปีนับจากปี 2556 เป็นมูลค่า 4,032.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนำเข้าอาวุธและยุทธปัจจัย คิดเป็นมูลค่ารวม 2,133 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวสูงถึง 4,837% ทั้งนี้ จากตรวจสอบพบว่าเป็นการนำเข้าเพื่อนำมาซ้อมรบใหญ่”คอบร้าโกลด์”จากนั้นก็จะนำออกไปถือเป็นภาวะนำเข้าชั่วคราว
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า ขณะนี้สนค.กำลังติดตามปัจจัยกระทบต่อการส่งออกสำคัญ คือ ราคาน้ำมันยังมีทิศทางลดลง ค่าบาทแข็งที่มีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง และผลกระทบจากสงครามการค้าจะยังรุนแรงต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยกระทบจากการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าและการเปิดเสรีการค้าทำให้การแข่งขันในอาเซียนรุนแรงขึ้น ซึ่งจะมีผลโดยตรงการส่งออกของไทยในปีนี้ และคาดกระทบต่อเป้าหมายการส่งออก 8%
“ส่งออกไตรมาสแรกปีนี้ ตัวเลขจะไม่สวยงามเท่าไหร่ โอกาสขยายต่ำเหลือ 1-2% ตามแรงกดดันของค่าบาทแข็ง ราคาน้ำมัน ผลกระทบจากสงครามค้า และแนวโน้มจะดีขึ้นในไตรมาส 2 หากจะให้ส่งออกโตได้ 8% เฉลี่ยต้องส่งออกเดือนละ 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หากโต 5% เฉลี่ยต้องส่งออกเดือนละ 22,374 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และหากโต 3% เฉลี่ยต้องส่งออกเดือนละ 21,915 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสนค.จะติดตามสถานการณ์ปัจจัยต่างๆ 2-3 เดือนจึงจะทบทวนเป้าหมายส่งออกอีกครั้งว่าตัวเลขส่งออกที่มีโอกาสจะเป็นเท่าไหร่ “นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว ้
