เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พร้อมด้วยตำรวจ สตม. ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจชุด ศปอส.ตร. ตำรวจ สน.ลุมพินี และ นาย kevin Harrington ตัวแทน บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันแถลงข่าวนำกำลังเข้าตรวจค้นร้านขายยาปลอม หรือยาที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีการจำหน่าย จำนวน 17 จุด ในแหล่งท่องเที่ยวใจกลางกรุงเทพฯ สามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 13 คน พร้อมยึดของกลางจำนวน 2,526 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ตน ในฐานะหัวหน้าชุดศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร.ให้ปราบปรามกวาดล้างสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งจำหน่ายทางออนไลน์ และไม่ออนไลน์ ในวันนี้ทางชุดปฏิบัติการ ได้ระดมกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบตามเส้นทางถนนสุขุมวิท ตั้งแต่ซอย 3 ไปจนถึง ซอย 17 ท้องที่ สน.ลุมพินี พบการลักลอบจำหน่ายยาไวอากร้า ยาเสียสาว โดยเฉพาะตัวยาไวอากร้า ที่มีผู้นำมาจำหน่ายในราคากล่องละ เพียง 200 กว่าบาท จากราคาจริงกล่องละ 3,000 กว่าบาท ซึ่งจากการสอบถามทางบริษัทตัวแทนจำหน่าย ได้ทำการตรวจสอบพบส่วนผสมเป็นแป้ง อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้นั้น โดยทางตำรวจ สามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 13 ราย เป็นชาวต่างชาติ 8 ราย ชาวไทย 5 ราย ของกลางที่พบเป็นยาในเครือบริษัทไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด 118 ชิ้น ยาอื่นๆ อีก 1,667 ชิ้น Sex Toys 396 ชิ้น สินค้าแบรนด์เนม 345 ชิ้น รวมของกลาง 2,526 ชิ้น มูลค่าความเสียหาย 6,000,000 บาท เบื้องต้นทางตำรวจทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด พร้อมทำการแจ้งข้อหา “จำหน่าย เสนอจำหน่าย หรือมีไส้เพื่อตำหน่าย ซึ่งสินค้ามีเครื่องหมายการค้าปลอม หรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น ที่จดทะเบียนไว้แล้ว ในราชอาณาจักร”,ข้อหา “ขายยาแผนปัจจุบัน ประเภทควบคุมพิเศษ โดยไม่ได้รับอนุญาต” และข้อหา “เพื่อประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่าย หรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำผลิต มีไว้ นำเข้า ส่งออก หรือทำให้แพร่หลายด้วยประการใดๆ ซึ่งวัตถุ หรือสิ่งอื่นใดอันลามก”ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ดำเนินคดีตามกฎหมาย “
“อย่างไรก็ตาม วันนี้ทางชุดปฏิบัติการวันนี้ได้บูรณาการกับตำรวจ สน.ลุมพินี นำโดย พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ ผกก.สน.ลุมพินี ขอยืนยันว่า ต้องจริงจังในการปราบปราม เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ต้องหาบางรายเคยถูกดำเนินคดีไปแล้วก็กลับมาทำซ้ำอีก ซึ่งหลังจากนี้ไปจะไม่มีผู้นำสินค้าเหล้านี้มาขายอีกต่อไป และจะต้องไม่มีการไปจับกุมลักษณะนี้ซ้ำอีก เพราะจะต้องไม่มีการกระทำความผิดเหล่านี้จริงๆอีกต่อไป” ผบช.สตม.ระบุย้ำ
