‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงผลกวาดล้างนายทุนดอกโหด ทวงคืนโฉนดคืน ปชช. ยึดทรัพย์สินเกือบพันล้าน (คลิป)

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับ พล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เจ้าที่ฝ่ายปกครอง สำนักงานป้องกันและปราบรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงข่าวผลการปฏิบัติการภายใต้ยุทธการ ‘ขุดรากถอนโคนอาชญากรรม ทำบ้านเมืองน่าอยู่’ ครั้งที่ 30 หลังจากก่อนหน้านี้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ปกครอง ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปิดล้อมตรวจค้นยึด/อายัดทรัพย์สินของกลุ่มนายทุนเงินกู้ ผู้ต้องหา ในพื้นที่กรุงเทพ, ชลบุรี, เชียงใหม่, เชียงราย, ลำปาง, ลำพูน, พะเยา, แพร่, น่าน, แม่ฮ่องสอน, และอุดรธานี รวม 55 เครือข่าย 82 จุด

ซึ่งผลปฎิบัติการตามยุทธการฯสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 14 คน ประกอบด้วย นายวรรษา เจนติยานุรักษ์, นายวินัย สิงห์เผือก, นายธัญยบูรณ์ หอมกลิ่น, นายนิรุต กมลมาลย์, นายอิทธิพัทธ์ สังข์ทอง , นายทวี หรือหมี คำเสียง, นายหัสชัย โพนปลัด, นายวุฒินันท์ ขอเหนี่ยวกลาง, นายชุติเทพ สุโพธิ์, นายเจษฎา ศรีสกุล และ น.ส.วลัยพร ประสพ ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาอั้งยี่และร่วมกันให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

ส่วนนางพัชริน แต้กุล, นายณัฐพล อยู่สำราญ, นายพีระ ปฏิกรณ์ ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันเป็นการอำพรางให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ยังสามารถยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์ของกลุ่มผู้ต้องหา รวมมูลค่า 754.9 ล้านบาท มีอาคารพาณิชย์จำนวน 4 หลัง อาคารขนาดใหญ่ จำนวน 3 หลัง โรงแรม 4 แห่ง บริษัท 2 แห่ง ร้านอาหารและร้านกาแฟ 2 แห่ง ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 1 แปลง รถยนต์ 25 คัน ตรวจยึดโฉนดที่ดิน จำนวน 197 ฉบับ เนื้อที่ 220 ไร่ มูลค่า 218 ล้านบาท พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องทางคดีอีกหลายรายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดทั้งหมด 972.9 ล้านบาท

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่กำหนดให้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของพี่น้องประชาชน เป็นวาระแห่งชาติ หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจึงร่วมกันบูรณาการการทำงาน เพื่อดำเนินการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง ขณะที่กลุ่มนายทุนที่ตรวจค้น จับกุม อายัดทรัพย์สินครั้งนี้เป็นกลุ่มที่เปิดบริษัทลิสซิ่งบังหน้า ทั้งที่ขออนุญาตถูกกฏหมาย และไม่ขออนุญาต หรือขออนุญาตถูกกฏหมายแต่ทำผิดเงื่อนไข เอารัดเอาเปรียบประชาชนในพื้นที่ ปฏิบัติการนี้เน้นพื้นที่ภาคเหนือ เพราะจากข้อมูลพบว่ามีบริษัทลิสซิ่งลักษณะนี้เปิดอยู่จำนวนมาก แต่วันนี้ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียหายที่แจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เพียง 10 รายเท่านั้น ยอมรับว่าส่วนหนึ่งเนื่องจากประชาชนยังไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่ แต่ยืนยันพร้อมจะเดินหน้ากวาดล้างนายทุนเงินกู้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน พร้อมขอความร่วมมือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากนายทุนเงินกู้นอกระบบเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่

Advertisement

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image