เวลา 14.00 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาติดตามความคืบหน้า คดีสวัสดิการตำรวจหรือปืนตราโล่ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Sigsauer รุ่น P-320 หายไปจากคลังเก็บอาวุธ ของกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.พระนครศรีอยุธยา รวมจำนวน 11 กระบอก โดยมี พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.พระนครศรีอยุธยา และนายตำรวจเข้าประชุมชี้แจงถึงความคืบหน้า
จากนั้น พล.ต.ท.มนูเปิดเผยว่า ตรวจสอบพบแล้วว่า มีตำรวจเป็นผู้โจรกรรม ได้ควบคุมตัวไว้แล้วในข้อหาโจรกรรมทรัพย์สินทางราชการ คือ ส.ต.ท.สันติ จับเทียน ตำแหน่งผู้บังคับหมู่งานสืบสวน กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเสนอให้ออกจากราชการทันที ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการด้านเอกสาร พร้อมให้พนักงานสอบสวนของ สภ.พระนครศรีอยุธยา ท้องที่รับแจ้งความ ดำเนินคดีอาญากันผู้ต้องหา และเร่งดำเนินการเอาผิดทางวินัยควบคู่ไปด้วย
ทั้งนี้ เชื่อว่ามีการโจรกรรมไปช่วงเดือนธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา สาเหตุของการโจรกรรมเป็นความจำเป็นส่วนตัวของผู้ก่อเหตุ ไม่มีเรื่องปัญหาในหน่วยงานหรือการกลั่นแกล้ง เมื่อได้ปืนไปจำนวน 11 กระบอก ได้นำไปขาย และมีบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ตำรวจร่วมในกระบวนการปล่อยของจำหน่ายอาวุธปืนอีก 3-4 คน ขณะนี้มีความชัดเจนบ้างแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อเสนอออกหมายจับเพิ่ม และต้องตามหาปืนทั้งหมดกลับมา โดยแยกเป็น 1 กระบอกได้คืนมาแล้ว เพราะเป็นของกลางในคดีพกพาอาวุธปืน ที่ สน.วังทองหลาง ตรวจยึดไว้ได้ ส่วนอีก 10 กระบอก จะต้องตรวจหาว่าอยู่ที่ใครบ้าง ถือเป็นสิ่งของอันตรายหากใครครอบครอง เพราะตำรวจจะตามล่าเอากลับมาให้จงได้ และยืนยันว่า ถึงขณะนี้ มีตำรวจร่วมในการโจรกรรมครั้งนี้เพียง 1 นายเท่านั้น คือ ส.ต.ท.สันติ
ส่วนข้อซักถามว่า วิธีการโจรกรรมนั้น พบว่าผู้ก่อเหตุแอบหยิบฉวยกุญแจที่ล็อกถึง 3 ชั้น จากสิบเวรที่ถือกุญแจไปตอนเผลอ โดยตำรวจ 3 นายที่ทำหน้าที่ถือกุญแจเบื้องต้นไม่พบพิรุธ แต่เพื่อความชัดเจน ถูกต้อง ไม่เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของทุกภาคส่วน จะให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง สอบสวนต่อว่า แท้จริงแล้วตำรวจทั้ง 3 นายที่ทำหน้าที่ถือกุญแจนั้น เกี่ยวข้องหรือไม่ และตรวจสอบให้ได้ว่า เวลา วัน เดือน ปี ของการโจรกรรมนั้น เป็นการโจรกรรมเพียงครั้งเดียว 11 กระบอก หรือโจรกรรมหลายครั้งจนครบ 11 กระบอก เพราะผลทางคดีต่างกัน โดยหากโจรกรรมหลายครั้งจะเป็นต่างกรรมต่างวาระ
