‘ชัชชาติ’ ชี้ปลด ‘อรวรรณ’ เข้าข่ายแทรกแซงสื่อ แนะบอร์ด อสมท ดูผลประกอบการขาดทุนยับ (คลิป)

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ตลาดวโรรส หรือกาดหลวง กลางเมืองเชียงใหม่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 พท. หมายเลข 6 เขต อ.เมือง มีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้า พท. นายนพดล ปัทมะ แกนนำ พท.ร่วมลงพื้นที่ มีประชาชนและแกนนำชุมชนคล้องมาลัย พร้อมมอบกุหลาบแดงให้กำลังใจจำนวนมาก ก่อนเดินพบปะและพูดคุยพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยอย่างเป็นกันเอง ก่อนปราศรัยพูดคุยและถ่ายรูปกับประชาชนเพื่อเป็นที่ระลึก โดยใช้เวลากว่า 1 ชม. ก่อนหน้านั้นนายชัชชาติ นายนพดล และ น.ส.ทัศนีย์ได้ขึ้นรถแห่หาเสียงออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ตลาดวโรรส ระยะทางกว่า 5-6 กม. โดยนายชัชชาติได้ยกมือไหว้ พร้อมโบกมือทายผู้สัญจรไปมา โดยมีประชาชนที่อยู่สองข้างทางโบกมือและชูนิ้วสัญลักษณ์ไอเลิฟยูเพื่อให้กำลังใจ ระหว่างหาเสียง นายชัชชาติได้ทดลองชิมจิ้งกุ่งทอด หรือจิ้งหรีดทอดจากแม่ค้า พร้อมบอกว่ารสชาติ “อร่อยดี” จากนั้นเดินเข้าหาเสียงในกาดหลวง ซึ่งนางอรุณศรี พวงพฤกษา อายุ 78 ปี เจ้าของร้านอรุณศรี ผู้จำหน่ายสิ่งพิมพ์หลายแขนง ได้มอบดอกกุหลาบแก่นายชัชชาติ พร้อมโชว์รูปภาพถ่ายคู่กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้นายชัชชาติดูด้วย

นายชัชชาติให้สัมภาษณ์ว่า ลงพื้นที่หาเสียงกระแสตอบรับจากประชาชนดีมาก เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองสำคัญ พท.อยู่ในพื้นที่ตลอด พร้อมกับมารับฟังปัญหาประชาชน โดยเฉพาะฝุ่นละออง ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและท่องเที่ยวระยะยาว ซึ่งการปราศรัยใหญ่ที่เชียงใหม่ครั้งแรก เน้นเรื่องเศรษฐกิจ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว สร้างรายได้ปีละ 100,000 ล้านบาท ต้องเชื่อมโยงท่องเที่ยวสู่ภูมิภาคและต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้แก่เชียงใหม่มากขึ้น นอกจากการท่องเที่ยวแล้ว ภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการธุรกิจต้องอยู่ได้ ทั้งผู้ค้ารายย่อย ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายใหญ่ มีเงินหมุนเวียนและสามารถชำระหนี้ได้ ส่วนความคาดหวัง ส.ส.เชียงใหม่ มั่นใจชนะเลือกตั้งทุกเขต ได้ ส.ส.ทั้งจังหวัด รวม 9 คน เพราะเชียงใหม่เข้มแข็งมาก และการสำรวจความคิดเห็น หรือโพลพื้นที่ภาคเหนือ กระแสตอบรับดีมาก การสำรวจโพลทุกครั้งดีมาตลอดจากพรรคการเมืองทั้งหมด เพราะภาคเหนือเข้มแข็งมาก ซึ่งการเลือกตั้ง พท.เหนื่อยกว่าทุกครั้ง แต่ผมมั่นใจเชื่อว่าประชาชนไว้วางใจ จากผลงาน 17 ปีที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวถามกรณีบอร์ด อสมท.ปลดนางอรวรรณ ชูดี กริ่มวิรัตน์กุล พิธีกรรายการดีเบตศึกเลือกตั้ง ซึ่งถูกกล่าวหาจัดรายการไม่เป็นกลางหรือลำเอียงว่า สื่อมวลชนถือเป็นสถาบันสำคัญ ต้องมีความเที่ยงธรรม ทุกฝ่ายสามารถให้ความเห็นได้ การแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน เป็นเครื่องหมายคำถามอันใหญ่ ว่า ความเชื่อถือลดลงไหม สื่อมวลชนทั่วไปถือเป็นสถาบันที่มีเกียรติ ที่ผ่านมาเป็นสถาบันที่ช่วยให้เกิดความยุติธรรมในสังคม ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้โดยอิสระ

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อที่เป็นของรัฐวิสาหกิจ มันไม่ใช่เป็นของคนใดคนหนึ่ง เป็นของประชาชนทั้งหมด สำคัญที่สุดสื่อต้องเป็นกลาง เท่าที่ดูน้องที่มาให้ความเห็น เขามาด้วยอิสระ ไม่มีใครบังคับ สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก เพราะการแสดงความคิดเห็นอิสระ เป็นเรื่องประชาธิปไตย ใครเห็นด้วยไม่เห็นด้วยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องสำคัญ” นายชัชชาติกล่าว

Advertisement

นายชัชชาติกล่าวอีกว่า การแทรกแซงสื่อ เชื่อว่าส่งผลต่อภาพลบของภาครัฐมากกว่า เพราะผลสะท้อนกลับยิ่งแรง คนเห็นความไม่เป็นธรรม หรืออยุติธรรม ยิ่งไม่ชอบ เพราะคนไทยเราเกลียดความอยุติธรรม สิ่งที่ทำไป มองว่าไม่ฉลาดเท่าไร ยิ่งเป็นข่าว กระแสออกมา ควรปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติ ให้ทุกคนมองด้วยวิจารณญาณตนเอง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นผลลบต่อ อสมท มากกว่า ควรเปิดให้ทุกคนมีอิสระ มีเวทีแสดงความคิดเห็น เท่าที่ดูรายการ เขาก็พูดตรงๆ ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้ว่าใครคนใดคนหนึ่ง เป็นการแสดงความคิดเห็นของนักศึกษาที่ร่วมรายการเท่านั้น ซึ่งอนาคตต้องดูให้ละเอียด รอบคอบมากขึ้น

“การกระทำดังกล่าว ถ้าเป็นการปิดกั้นการรับรู้ประชาชน เป็นเรื่องไม่ดี ส่งผลให้สื่อที่ไม่เป็นธรรม ประชาชนยิ่งดูฟังน้อยลง เป็นผลลบต่อตัวสื่อเอง คนจะเลิกเชื่อถือสื่อดังกล่าว ซึ่งปีที่แล้ว อสมท ขาดทุน 300 กว่าล้าน บอร์ดควรไปดูผลประกอบการตัวเองด้วย ถ้าสื่อไม่เป็นกลาง เชื่อว่าประชาชนจะดูช่องดังกล่าวน้อยลง ยิ่งเป็นสื่อของรัฐต้องเป็นกลาง กิจการและฐานะขององค์กรจะเข้มแข็งมากขึ้น” นายชัชชาติกล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image