“ศรีอัมพร” ผู้พิพากษาอาวุโส ย้อนถามรัฐบาล ปม.กม.ไซเบอร์ ภัยวิกฤตร้ายแรงใช้อะไรวัด

แฟ้มภาพ

 

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์ ผู้พิพากษาอาวุโส ในศาลอุทธรณ์ ให้ความเห็นถึงกรณีที่ สนช.ได้มีการผ่านกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เเละเว็บไซต์รัฐบาลไทย http://www.thaigov.go.th ได้ชี้แจงกรณีว่าร่างพรบ.ดังกล่าวไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิประชาชน เเต่ใช้ป้องกันไม่ให้เกิดภัยคุกคามต่อระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งการใช้อำนาจตรวจค้นยึดล้วงข้อมูลต้องขออนุญาตศาล ยกเว้นระดับวิกฤติที่กระทบความมั่นคงแต่เสร็จเเล้วต้องแจ้งศาลโดยเร็ว ว่าต้องขอย้อนถามกลับว่า

มาตรการ1-3ที่กล่าวมาใครเป็นคนจำเเนกชี้ขาด เป็นตัวคณะกรรมการใช่หรือไม่ ตรงนี้ไม่สามารถหาอะไรมาชี้วัดได้ ถ้าคุณบอกว่าเป็นเรื่องภัยวิกฤตร้ายเเรงจริงๆปัจจุบันนี้มันก็มีกฎหมายอื่นที่ใช้ในสภาวะฉุกเฉิน เช่น กฎอัยการศึกอยู่เเล้ว เเต่ในขณะที่บ้านเมืองเราเป็นปกติในขณะนี้ควรจะเอากฎหมายเเบบนี้มาใช้หรือไม่ ถ้าคุณบอกเป็นเรื่องร้ายเเรงเเต่ศาลบอกว่าไม่ร้ายเเรง กลายเป็นว่ากรรมการไซเบอร์ดังกล่าวสามารถชี้ขาดได้เลย

“หลักการตรวจค้นในที่เกิดเหตสภาวะฉุกเฉินกฎหมายก็ให้อำนาจเจ้าพนักงานในการตรวจค้นไม่ต้องขอศาลอยู่เเล้ว เช่นในที่ที่ผู้บัญชาการทหารในท้องที่ใดมีการประกาศกฎอัยการศึกอยู่เเล้ว”

Advertisement

ร่าง พรบ.ไซเบอร์ดังกล่าวไม่มีหลักประกันที่ระบุไว้ว่าถ้าวิกฤตมีการตรวจค้นเเล้วให้รายงานศาล ตนถามว่าถ้าเเบบนั้นจะมารายงานศาลทำไม เพราะคุณสงสัยคุณเข้าไปจับกุมตรวจค้น ถ้าตรวจพบก็เเจ้งข้อหา ถ้าไม่พบก็ปล่อย เเล้วมาบอกศาลที่หลัง ตอนนั้นศาลจะทำอะไรได้เเล้วไปยับยั้งการค้นได้หรือไม่ เพราะทำไปเเล้ว

มีการชี้เเจงว่าในร่างดังกล่าวให้ระดับความร้ายเเรงขั้นที่ 1-2 มาศาลได้ เเต่ทำไมขั้นที่ 3 จะมาไม่ได้ ศาลยุติธรรมมีการจัดให้ผู้พิพากษาเข้าเวร24 ชั่วโมงในการพิจารณาออกหมายค้นหมายจับเเละมีทุกศาลเเละทุกวัน ในส่วนที่อ้างว่ากฎหมายดังกล่าวใช้เฉพาะกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่มีการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ในส่วนพวกเเฮกเกอร์เเละจะไม่เกี่ยวกับประชาชนทั่วไปนั้น ตนเห็นว่าลองไปดูตัวกฎหมายไม่ได้เขียนไว้ว่าจะเอาเฉพาะความผิดที่เป็นลักษณะเเฮกเกอร์เท่านั้น เเต่เขียนไว้ว่าถ้าเกิดสงสัยในบุคคลหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ไหน เขาสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีหมาย เเม้จะมีการเเก้ไขผ่อนลงหน่อยนึงว่า ถ้าไม่ถึงวิกฤตต้องขอหมายศาลโดยอ้างว่าไม่ทันการ ก็อย่างที่กล่าวย้ำไปเเล้วว่ามันมีกฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ เเต่นี่คุณไปค้นก่อนที่จะรู้ว่ามีความผิดเกิดมันขัดกับหลักการสากล คุณเเค่สงสัยเเล้วไปค้นไม่ผิดก็เเล้วไปเเต่ถ้าผิดก็ดำเนินคดีตรงนี้เป็นการกลับหลักในกระบวนการยุติธรรมตัวคนที่ถูกสงสัยโดนตรวจค้นยึดไปเเล้วเกิดความเสียหายไปเเล้ว ดุลพินิจตรงนี้ต้องระวังเพราะหลักการของประชาธิปไตยเราต้องเชื่อในหลักการที่ว่าต้องใช้ระบบตรวจสอบมากกว่าใช้คน “เพราะการเชื่อในตัวบุคคลเป็นเรื่องอันตราย “ เพราะเราต้องไม่เชื่อว่าบุคคลเป็นคนดีเเท้ได้ตลอดไปเพราะอาจเกิดการเปลี่ยนเเปลงได้ เพราะถ้าเกิดไม่ดีขึ้นมาก็จะเกิดความเสียหายได้

เมื่อถามว่านอกจาก พรบ.ไซเบอร์เเล้ว สนช.ยังมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. … ตรงนี้เป็นการคุ้มครองถ่วงดุลได้หรือไม่

Advertisement

นายศรีอัมพร กล่าวว่าปกติเเล้วเรื่องนี้ไม่ต้องออกกฎหมายยังได้เพราะการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นหลักพื้นฐานว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่ต้องเข้าไปละเมิดล้วงความลับของบุคคลซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพตรงนี้ไม่ควรทำได้อยู่เเล้ว เพราะหากเจ้าหน้าที่ของรัฐทำขึ้นมาก็จะเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่มิชอบ เเต่หากจะมีกฎหมายที่ห้ามบุคคลอื่นเข้ามาล้วงข้อมูลก็เป็นเรื่องดีเป็นการปกป้องประชาชนเพิ่มขึ้น เเต่ที่ตนห่วง พรบ.ไซเบอร์เพราะมันเปิดโอกาสให้เจ้าพนักงานใช้อำนาจได้เต็มที่เพียงเข้าข้อต้องสงสัย กฎหมายนี้ก็ต้องคุ้มครองเจ้าหน้าที่ ความจริงกฎหมายนี้ก็มีการเเก้ได้ถูกต้องในเรื่องการต้องขอหมายศาลค้น เเต่ติดตรงที่ว่าในเรื่องวิกฤตร้ายเเรงทำไมไม่ขอศาล หรือไม่เชื่อในกระบวนการตุลาการ หรือเกรงว่าศาลจะไม่ให้หมายค้น

นายศรีอัมพรกล่าวต่อว่า ในระยะหลังที่ตนสังเกตพบว่าเจ้าพนักงานของรัฐพยายามหลักเลี่ยงไม่ให้การทำงานผ่านการถ่วงดุลโดยศาลโดยอ้างว่าทำงานไม่สะดวก เเต่ต้องคิดด้วยว่าถ้าไม่มีอำนาจศาลในการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐจะเป็นอย่างไร ปกติที่ผ่านมามีการขอหมายจับหมายค้นถ้าเป็นเรื่องร้ายเเรงเเละนำพยานหลักฐานมาเเสดงเเบบคดีฆ่าส่วนมากศาลก็ออกหมายให้ เเละขอได้24 ชั่วโมง ที่เป็นปัญหาที่ศาลไม่ให้ก็จะเป็นเรื่องพยานหลักฐานว่ามีเหตุสมควรในการออกหมายหรือไม่ เเต่ไม่ใช่ว่าศาลจะไม่ให้ตลอด ส่วนใหญ่เกินร้อยละ 80 ศาลอนุญาตออกหมายให้ถ้ามีพยานหลักฐานชัดเจน เเต่ถ้าคลุมเคลือเราก็ไม่ให้ เเต่ถ้าเป็นเรื่องร้ายเเรงมีหลักฐานศาลก็ออกให้ทันที ตรงนี้เราไม่ได้ไปต่อต้านกับการจัดการภัยทางไซเบอร์ หากมีพยานหลักฐานมาอธิบายให้ศาลฟังศาลก็ร่วมมือออกหมายให้ เเต่ถ้าไปละเมิดสิทธิมากไปเราก็ไม่ให้ ส่วนที่กลัวว่าข้อมูลของศาลรั่วเองได้นั้นที่ผ่านมายังไม่เคยมีที่พอศาลออกหมายค้นหมายจับเเละมีคนรู้ตัวไหวตัวทัน เพราะไม่ได้รู้จักกับผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ต้องปล่อยความลับรั่วไหล

“การออกกฎหมายระยะหลังมีการออกให้เลี่ยงการตรวจสอบของศาล หลายฉบับเเต่องค์กรศาลเป็นองค์กรเดียวที่ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐในระดับปกติถึงสูงที่สุดได้เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งที่หลักการสากลเจาจะต้องใช้หลักการตรวจสอบถ่วงดุลที่จะทำให้ความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐเกิดน้อยลงมิหนำซ้ำยังเป็นการคุ้มครองการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อย่างดีเพราะได้รับอนุญาตจากคำสั่งศาลเเล้วการที่จะไปถูกดำเนินคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบไม่มีทางเกิดเพราะศาลอนุญาตตรวจค้นการกระทำก็เป็นโดยชอบดีกว่าเราไปใช้คณะกรรมการชื่อเรียกชุดเดียวกันเเต่ระดับสูงกว่าที่จะทำให้เกิดความเคลือบเเคลงสงสัยในเรื่องการใช้อำนาจ หากเกิดการบะเมิดข้อมูลทางการค้าหรือเทคโนโลยี ต่างๆ ที่ยากเเก่การเยียวยาความเสียหายของเอกชน ทำให้กรอบการคุ้มครองอ่อนเเอลงเเละล่อเเหลมที่จ้อมูลประชาชนหรือนิติบุคคลจะรั่วไหล ตรงนี้มันเป็นผลเสีย” ผู้พิพากษาอาวุโสกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image