เมื่อวันที่ 11 มีนาคม นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อน 31.77 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในสัปดาห์นี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจ วันที่ 11 มีนาคม คาดว่ายอดค้าปลีกในสหรัฐ เดือนมกราคมจะสูงขึ้น 0.6% จากเดือนก่อน เป็นการกลับมาขยายตัวเดือนแรกหลังจากในเดือนธันวาคมที่หดตัวถึง 1.4% ต่อด้วยประเด็นการเมืองยุโรป ในวันที่ 12-14 มีนาคม รัฐสภาอังกฤษจะมีการลงมติบนร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) มองว่ารัฐสภาอังกฤษจะมีมติไม่รับร่างข้อตกลงล่าสุด เพิ่มความเสี่ยงที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง (โน ดีล)
นายจิติพลกล่าวว่า วันที่ 14 มีนาคม ตลาดจะจับตารายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนในเดือนกุมภาพันธ์ คาดว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัวเพียง 5.5% เช่นเดียวกับยอดค้าปลีกที่จะขยายตัวเพียง 8.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ย้ำภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในช่วงต้นปี และวันที่ 15 มีนาคม คาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะมีมติคงนโยบายการเงินทั้งหมด อย่างไรก็ดี แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง หนุนให้บีโอเจสามารถแสดงจุดยืนการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มขึ้นได้
“ในสัปดาห์นี้เชื่อว่าผู้ค้าในตลาดการเงินจะให้ความสนใจกับทิศทางการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ แม้ในขั้นต้น ทั้งสองประเทศมีการสื่อสารว่าจะไม่หยิบค่าเงินขึ้นมาเป็นประเด็นในการเจรจา แต่โอกาสที่จะเห็นสกุลเงินหยวนอ่อนค่าลงในระยะสั้นแม้จะมีการลดดอกเบี้ยฝั่งจีน ก็เกิดขึ้นได้ยากในช่วงสั้นเนื่องจากเป็นประเด็นที่ยังเปราะบาง ขณะที่ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ก็จะมีการลงมติเรื่องเบร็กซิท เชื่อว่าจะทำให้ตลาดหาทางหลบเข้าในสินทรัพย์ปลอดภัยก่อน จึงต้องระวังว่าค่าเงินเอเชียอาจแข็งค่า และราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทั้งสองปัจจัยจะกดดันให้เงินบาทพลิกกลับไปแข็งค่าด้วย กรอบเงินบาทในวันนี้ 31.67 ถึง 31.77 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 31.50 ถึง 32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ” นายจิติพลกล่าว
เกาะกระแสเศรษฐกิจใกล้ตัว กับมติชน คลิ๊ก!
