นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.รวบรวมยอดคงค้างกลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคล นาโนไฟแนนซ์ และพิโกไฟแนนซ์ ในเดือนมกราคม 2562 พบว่ามียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 2.54 แสนล้านบาท มีบัญชีกู้รวมกัน 13.9 ล้านบัญชี ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งเข้ามาช่วยหนี้นอกระบบ แสดงให้เห็นว่าประชาชนให้ความสนใจกู้เงินในระบบ หากแยกเป็นรายกลุ่มพบว่า สินเชื่อส่วนบุคคลสูงสุด 2.16 แสนล้านบาท จำนวน 10 ล้านบัญชี นาโนไฟแนนซ์ 2.87 หมื่นล้านบาท จำนวน 2.15 ล้านบัญชี ส่วนพิโกไฟแนนซ์ 1,678 ล้านบาท จำนวน 6 หมื่นบัญชี
นายลวรณกล่าวว่า ทั้งนี้ ภายในเดือนมีนาคมนี้ กระทรวงการคลังจะออกประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ให้สามารถให้สินเชื่อแก่ประชาชนในวงเงินถึง 1 แสนบาท จากเดิมกำหนดไว้ 5 หมื่นบาท โดยผู้ประกอบการที่สนใจสามารถแจ้งความจำนงมาที่ สศค. มีเงื่อนไขคือต้องเพิ่มทุนจะทะเบียนเป็น 10 ล้านบาท จากเดิมกำหนไว้เพียง 5 ล้านบาท คาดว่าจะมีผู้ประกอบการให้ความสนใจเพราะล่าสุดมีผู้ประกอบการบางรายมีทุนจดทะเบียนสูงถึง 50 ล้านบาท
“จากฐานข้อมูลโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 พบว่ากลุ่มเป็นหนี้นอกระบบไม่เกิน 5 หมื่นบาทมีสัดส่วนถึง 79% และกลุ่มที่เป็นหนี้เกิน 5 หมื่นบาท – 1 แสนบาทมีสัดส่วนถึง 13% ดังนั้นกระทรวงการคลังคาดว่าการขยายวงเงินสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ในครั้งนี้จะครอบคลุมการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีหนี้นอกระบบ เป็น 92%” นายลวรณกล่าว
นายลวรณกล่าวว่า ขณะนี้มีคำขอพิโกไฟแนนซ์ 937 ราย ใน 74 จังหวัด ยังขาดในจังหวัดปัตตานี นราธิวาส และอ่างทอง ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ที่ห้ามทำธุรกิจรับดอกเบี้ย ดังนั้นในการแก้ประกาศของกระทรวงการคลังจะเปิดทางให้พิโกไฟแนนซ์สามารถทำธุรกิจสอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลามด้วย โดยให้สามารถรับผลตอบแทนเป็นกำไร แทนดอกเบี้ย
นายลวรณกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สศค.ให้ใบอนุญาตพิโกไฟแนนซ์ไปแล้ว 508 ราย ใน 66 จังหวัด ส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาต เพราะยังมีแผนธุรกิจที่ไม่ชัดเจน และบางคนเขียนแผนธุรกิจมาไม่เป็นเนื่องจากเป็นธุรกิจรายเล็กในต่างจังหวัดดังนั้น สศค.ปรับเรื่องการเขียนแผนธุรกิจให้ง่ายขึ้น เช่น ตอบทำตอบ 20 ข้อแทน
