ทหารไทยปรับโมเดลใช้ข้อมูลวิเคราะห์สินเชื่อเอสเอ็มอีตามจริง-เน้นดูแลคุณภาพ คาดQ1ทะลุ 6 พันล้านบ.

นางสาวชมภูนุช ปฐมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอี ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ธนาคารให้ความสำคัญกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) เพราะถือว่าเป็นรากฐานการเติบโตเศรษฐกิจและการจ้างงานของประเทศ โดยธนาคารการให้การสนับสนุนสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ปรับการให้สินเชื่อโดยมีการให้สินเชื่อต่อหลักประกัน(แอลทีวี) ต่ำกว่า 100% มากขึ้น เพื่อให้สินเชื่อได้ตรงกับความต้องการจริงในการลงทุน ไม่ทำให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัว และเป็นการดูแลคุณภาพสินเชื่อ ทำให้แอลทีวีสินเชื่อที่ต่ำกว่า 100% เพิ่มมากขึ้นเป็น 30% คาดว่าปี 2562 สัดส่วนจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% ทั้งนี้ ธนาคารยังได้พัฒนาโมเดลเพื่อนำข้อมูลการทำธุรกรรมของลูกค้าที่ใช้ธนาคารเป็นธนาคารหลักในการเดินบัญชีและฝากเงิน มาเป็นหลักประกัน ซึ่งทำให้ลูกค้าประหยัดเวลาในการเตรียมข้อมูลและเอกสารที่ใช้ในการสมัครสินเชื่อ และทำให้ธนาคารสามารถทำนายได้แม่นยำมากขึ้นว่า ถึงรายได้ของลูกค้ามนอนาคตที่จะเกิดขึ้น เมื่อไรที่ลูกค้าต้องการใช้สินเชื่อ และวงเงินที่ต้องการใช้เป็นเท่าไร ความเสี่ยงของลูกค้าและธุรกิจอยู่ในระดับใด ทำให้ได้ลูกค้าที่มีคุณภาพและแนวโน้มคุณภาพสินเชื่อของธนาคารปรับดีขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และจะยังรักษาคุณภาพสินเชื่อให้ดีขึ้นต่อเนื่อง

นางสาวชมภูนุช กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีใหม่ปีนี้ 27,000 ล้านบาท เติบโต 60% เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มียอดสินเชื่อใหม่ 18,000 ล้านบาท โดยช่วง 2 เดือนแรก 2562 ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 5,000 ล้านบาท คาดว่าไตรมาสแรก 2562 จะปล่อยสินเชื่อได้ถึง 6,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารเน้นการปล่อยสินเชื่อเพื่อการลงทุน(เทอมโลน) มากกว่าการให้สินเชื่อหมุนเวียน(วงเงินโอดี) โดยธุรกิจเอสเอ็มอีที่ยังขยายตัวดีอยู่ในกลุ่มที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย และธนาคารเชื่อว่ามนแต่ละอุตสาหกรรมยังมีธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตอยู่ ทั้งนี้ ยอดสินเชื่อคงค้างธุรกิจเอสเอ็มอีอยู่ที่ 90,000 กว่าล้านบาท ปีนี้คาดเติบโตขึ้นราว 4-6%

นางสาวชมพูนุช กล่าวว่า ปัจจุบันจำนวนลูกค้าเอสเอ็มอีอยู่ที่กว่า 20,000 ราย ปีนี้จะมีการขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านการนำเสนอบริการเพื่อแก้ปัญหาให้เอสเอ็มอี ได้แก่ 1.บริการให้สินเชื่อเอสเอ็มอีผ่านโมบายแอพลิเคชัน ทีเอ็มบี บิส ทัช ใช้ข้อมูลธุรกรรมการเงินต่างๆ ของลูกค้าที่ธนาคารมีอยู่แล้ว ให้เป็นหลักประกัน เพื่อช่วยลูกค้าให้เข้าถึงสินเชื่อและได้เงินทุนง่ายขึ้น 2.รายงานสุขภาพการเงินของเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นการจัดการข้อมูลและธุรกรรมในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เป็นภาพกราฟฟิกสวยงาม ชี้ให้เห็นทิศทางของเงินเข้าและออก จากทุกช่องทางเพื่อสามารถนำไปประเมินสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดและลดเวลาของการทำบัญชีกระทบยอดของเอสเอ็มอีได้ และยังนำไปใช้วางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อีกด้วย 3.สวัสดิการด้านสุขภาพเพื่อพนักงานของเอสเอ็มอีที่ยืดหยุ่นและคล่องตัว ในราคาที่เอสเอ็มอีเข้าถึงได้ เพียงลูกค้าเอสเอ็มอี เปิดบัญชีธุรกิจ ทีเอ็มบี เอสเอ็มอี วัน แบงก์ สามารถมีสิทธิ์ซื้อโปรแกรมสวัสดิการด้านสุขภาพให้กับพนักงานของธุรกิจตนเอง และมีสิทธิประโยชน์แบบประกันกลุ่ม โดยเริ่มต้นพนักงานเพียง 5 คน และจ่ายขั้นเพียง 300 กว่าบาทต่อเดือน เป็นต้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image