ธ.ก.ส.เผยเกษตรกรมีหนี้ต่อครัวเรือน 1.35 แสนบาท เพิ่มขึ้น 1.3%

นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาวะหนี้สินครัวเรือนเกษตรในช่วงครึ่งหลังปี2561 (เดือนกรกฎาคม ถึง ธันวาคม) มีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนเกษตรไทยต่อจีดีพีอยู่ที่ 18.12% ปรับตัวลดลงจากปีก่อน 4.13% เนื่องจากอัตราการขยายตัวของมูลค่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจประจำปี ยังคงสูงกว่าการขยายตัวของหนี้ครัวเรือนเกษตรกร โดยประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจ ปี 2561 จะอยู่ที่ 4.0% เป็นผลจากกำลังซื้อของภาคครัวเรือนปรับตัวดีขึ้นตามแนวโน้มของรายได้ที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้น้อย อย่างไรก็ตามแม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนเกษตรจะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงต้องติดตามพฤติกรรมการก่อหนี้ใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนเกษตรที่มีรายได้น้อยที่กู้หนี้เต็มวงเงินแล้วและมีภาระผูกพันกับหนี้หลายสัญญา ซึ่งอาจก่อหนี้นอกระบบที่จะส่งผลกระทบต่อสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนเกษตรและการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะต่อไป

นายสมเกียรติกล่าวว่า สำหรับผลการสำรวจสถานการณ์ภาวะหนี้สินครัวเรือนเกษตรครึ่งหลังปี 2561 โดยเก็บข้อมูลจากเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ จำนวน 980 ราย พบว่า ครัวเรือนเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. มีรายได้รวมเฉลี่ย 295,420 บาท/ปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.9% และมีค่าใช้จ่ายรวมเฉลี่ยต่อครัวเรือน 240,680 บาท/ปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.1% ส่งผลให้มีสัดส่วนรายได้มากกว่าค่าใช้จ่าย 1.23 เท่า เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย 0.8% และพบว่าครัวเรือนเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ส่วนใหญ่ 66.2% มีการออมเงิน โดยมีสัดส่วนการออมที่ 6.4% ของรายได้ทั้งหมด มีการออมเงินเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการส่งเสริมการออมเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเกษตรกร ผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ ธ.ก.ส. อาทิ เงินฝากออมทรัพย์ทวีโชค สลากออมทรัพย์ฯ และกองทุนทวีสุข

นายสมเกียรติกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันเกษตรกรมีหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือน 135,220 บาท/ปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อน1.3% โดยหนี้ส่วนใหญ่กว่า 89.1% เป็นหนี้ในระบบ ส่วนหนี้นอกระบบมีเพียง 10.9% โดยปริมาณหนี้นอกระบบปรับตัวลดลงจากปีก่อน 18.5% ส่วนภาระหนี้ต่อรายได้เฉลี่ยต่อเดือน คิดเป็น 45.77% ปรับตัวลดลงจากปีก่อน 0.61% แต่ยังคงสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานเสถียรภาพของภาคครัวเรือนที่กำหนด ณ ระดับ 40% ซึ่งสะท้อนว่า ครัวเรือนเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ยังมีโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ เพิ่มขึ้น

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า รายได้ภาคเกษตรที่เริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามภาวะการจ้างงานในภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น ปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย และราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งมาตรการเพิ่มรายได้ครัวเรือนเกษตรกรของ ธ.ก.ส. ผ่านโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและมาตรการลดภาระหนี้ ทั้งมาตรการลดภาระหนี้ในระบบของ ธ.ก.ส. อาทิ โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ และโครงการขยายเวลาชำระหนี้เงินกู้ (3 ปี) และมาตรการแก้ไขหนี้นอกระบบของเกษตรกรและบุคคลในครัวเรือนของ ธ.ก.ส. มีบทบาทสำคัญในการช่วยลดภาระหนี้ให้กับครัวเรือนเกษตรกรลูกค้า ทำให้ครัวเรือนเกษตรกรก่อหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ไม่สูงมาก และการก่อหนี้ของครัวเรือนเกษตรกรลูกค้า โดยส่วนใหญ่นำไปใช้เพื่อลงทุนสร้างรายได้และซื้อทรัพย์สินเพื่อประกอบอาชีพซึ่งถือเป็นหนี้ที่มีคุณภาพ ประกอบกับครัวเรือนเกษตรกรลูกค้า ให้ความระมัดระวังในการก่อหนี้ใหม่ ส่งผลให้ภาระหนี้สินต่อเดือนของครัวเรือนเกษตรกรลูกค้า เพิ่มขึ้นไม่มาก จึงทำให้สัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้เฉลี่ยต่อเดือน (DSR) ปรับตัวลดลงจากปีก่อน

Advertisement

นายสมเกียรติ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องให้ความสำคัญต่อคุณภาพหนี้ของครัวเรือนเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในครัวเรือนที่มีการกู้หนี้เต็มวงเงินหลักประกันและครัวเรือนที่มีภาระผูกพันกับหนี้หลายสัญญา ซึ่งอาจมีพฤติกรรมในการก่อหนี้นอกระบบเพิ่มเติม ประกอบกับความผันผวนของราคาสินค้าเกษตรและภัยธรรมชาติ ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงกดดัน การขยายตัวของรายได้ภาคการเกษตร และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ได้ในอนาคต

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image