เผยสินค้าไทยกว่าหมื่นรายการ คต.ชี้ช่องทำเงินในตลาดเวียดนาม

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในสภาวการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวของตลาดส่งออกหลักของไทย ทั้งจีน สหรัฐ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น การขยายฐานตลาดส่งออกไปยังประเทศที่มีศักยภาพและเติบโตเพื่อรักษาระดับการเติบโตของมูลค่าการส่งออกของไทยเป็นเรื่องสำคัญ อย่างตลาดเวียดนาม เป็นตลาดที่ไทยมีแต้มต่อด้านภาษีศุลกากรนำเข้าและภาพลักษณ์ด้านคุณภาพของสินค้าที่ครองใจและต้องใจผู้บริโภคเวียดนาม โดยภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน เวียดนามจะต้องยกเว้นและลดหย่อนภาษีนำเข้าแก่สินค้าที่ส่งออกและมีถิ่นกำเนิดไทย 10,250 รายการ คิดเป็น 99.55% ของรายการสินค้าทั้งหมด ทั้งนี้ การขอใช้สิทธิยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีศุลกากรนำเข้าเวียดนาม ผู้ประกอบการต้องมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form D ไปสำแดงต่อศุลกากรเวียดนาม เพื่อขอรับสิทธิฯดังกล่าว

นายอดุลย์กล่าวว่า จากประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) พบว่าเศรษฐกิจของเวียดนามโตอยู่ที่ 6.5% ต่อปี และคาดโตในอัตรานี้ถึงปี 2563 สอดคล้องกับแนวโน้มมูลค่าการส่งออกของไทยไปตลาดเวียดนามโตต่อเนื่อง โดยมูลค่าส่งออกไปยังเวียดนาม 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2560 และปี 2561 เพิ่มเป็น 12,836 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันเวียดนามเป็นตลาดส่งออกอันดับ 4 รองจาก จีน สหรัฐ และญี่ปุ่น และเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มอาเซียน สินค้าส่งออกสำคัญประกอบด้วย น้ำมันปิโตรเลียม เครื่องปรับอากาศ รถปิกอัพ ผลไม้สดและแห้ง อะไหล่และส่วนประกอบยานยนต์ โพลีเอทิลีน ตู้เย็น เครื่องซักผ้า กุ้งแช่แข็ง ยางรถยนต์ ซึ่งสินค้าดังกล่าวภาษีนำเข้าเป็น 0%  โดยปี 2561 มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ไปตลาดเวียดนาม อยู่ที่ 7,985.55 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 29.69% ของมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์รวมในตลาดอาเซียน

นายอดุลย์กล่าวว่า นอกเหนือจากสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกสำคัญ อาทิ เครื่องปรับอากาศ รถปิกอัพ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยางรถยนต์แล้ว ที่มีศักยภาพอีก อาทิ สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ถือเป็นตลาดเครื่องดื่มใหญ่อันดับ 3 ของโลก คาดปี 2563 ปริมาณความต้องการเครื่องดื่มของตลาดเวียดนาม 100,000 ล้านลิตร และมีเก็บอัตราภาษีปกติสำหรับสินค้าเครื่องดื่ม 27%-41.5% ขณะที่อัตราภาษีที่สินค้าเครื่องดื่มจากไทยหากมีหนังสือรับรองฯ Form D อยู่ที่ 0% เช่นเดียวกับสินค้าอาหารสำเร็จรูป เครื่องสำอาง เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องประดับแฟชั่น รวมถึงของใช้สำหรับเด็ก เป็นต้น จึงมีสินค้ากว่า 10,193 รายการ หรือคิดเป็นเกือบ 99% ของรายการสินค้าทั้งหมดจะได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีนำเข้าเวียดนาม

“สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลง AFTA สร้างแต้มต่อให้แก่ผู้ประกอบการไทยอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันเวียดนามเป็นตลาดที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงขึ้น ส่งผลให้รูปแบบการจับจ่ายใช้สอยเปลี่ยนแปลงจากการเน้นความคุ้มค่าด้านราคาและความจำเป็น เป็นความถูกตาต้องใจ ดังนั้น เวียดนามจึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยทุกระดับ รวมถึงผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ ดีไซน์น่าสนใจ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเวียดนามได้” นายอดุลย์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image