นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยว่า รัฐบาลใหม่คาดว่าจะเป็นรัฐบาลผสมหากสามารถขับเคลื่อนขับเคลื่อนโยบายและมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและคนในประเทศ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วยการยุบสภา และนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ การทำงานของสภาฯ เป็นไปด้วยดีตรงนี้คงไม่ใช่อุปสรรคของเศรษฐกิจ โดยสิ่งสำคัญนโยบายต้องชัดเจนและมีความต่อเนื่องทำให้เศรษฐกิจในปีนี้โตได้ในระดับ 3.8% และถ้ารัฐบาลใหม่มีนโยบายที่โดดเด่นทำให้เศรษฐกิจในปีหน้าโตได้กว่า 4-4.5%
“ขณะนี้คงเริ่มเห็นหน้าตารัฐบาล โดยทั้งฝั่งพรรคพลังประชารัฐ และเพื่อไทยพยายามจัดตั้งรัฐบาลอยู่ แต่ถ้าดูตามโครงสร้างรัฐธรรมนูญให้สว.ร่วมโหวตนายกฯ ทำให้เห็นภาพนายกฯว่าจะเป็นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งถ้าพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลเกิน 260 เสียงทำให้ความมั่นคงทางการเมืองสูง ถ้าได้เกิน 280 การเมืองจะเข้มแข็งมาก”นายธนวรรธน์กล่าว
นายธนวรรธน์กล่าวต่อว่า ในช่วงนี้คงยังเป็นสุญญากาศทางการเมือง แต่คิดว่าจะไม่สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ ถ้าไม่มีการถอนเงินออกจากตลาดหุ้น และหากไม่มีปัจจัยทางการเมืองมากระทบเศรษฐกิจน่าจะค่อยๆฟื้นตัวได้ คาดว่ารัฐบาลใหม่จัดตั้งภายใน 2 เดือนข้างหน้าหรือประมาณเดือนมิถุนายน หลังจากนั้นคงมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตใหม่ออกมาในช่วงปลายไตรมาส 3 และต้นไตรมาส 4 โดยเศรษฐกิจปีนี้หลายฝ่ายประเมินว่าจะโต 3.8% อยู่บนปัจจัยที่ระบุว่าจะมีเม็ดเงินมากระตุ้นโดยรัฐบาลใหม่ในช่วงปลายปี ซึ่งจะเสริมกับเงินมีอยู่แล้วในท่อ 2-3 แสนล้านบาท
“นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่คงหนี้ไม่พ้นการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้ภาคเกษตร แก้ปัญหาภัยแล้ง ฝุ่น มาตรการเร่งด่วนต้องดำเนินการ เช่น ส่งเสริมให้มีเม็ดเงินกระจายในภูมิภาค ส่งเสริมราคาสินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้น ส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐาน และดิจิทัลอีโคโนมีต่างๆ” นายธนวรรธน์กล่าว
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
