เมื่อวันพฤหัสที่ 21 มีนาคม 2562 ตอนบ่ายได้เกิดเหตุการณ์ถังเก็บสารเคมีระเบิด ที่ “บริษัท อุตสาหกรรมเคมีเทียนเจียอี๋ จำกัด” ในเขตเสี่ยงส่วย เมืองเอี๋ยนเฉิง มณฑลเจียงซู ประเทศจีน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 47 คน และได้รับบาดเจ็บสาหัส 90 คน จนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก
กรณีของอุบัติเหตุทุกครั้ง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ และคณะรัฐมนตรีจีน ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่มีคำสั่งให้ทางการมณฑลเจียงซูและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ “ความพยายามอย่างสุดความสามารถ” ในการกู้ภัย ค้นหา และช่วยชีวิตผู้ประสบภัย เพื่อให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที
ปัจจุบัน ประเทศจีนได้สร้าง “ระบบกู้ภัย” ที่สามารถให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยได้อย่างเร่งด่วน โดยจัดตั้ง “ทีมกู้ภัยและให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน” เพื่อรับมือกับอุบัติเหตุอุบัติภัยต่างๆ ซึ่งมีผลกระทบร้ายแรงต่อชุมชนหรือผู้คนจำนวนมาก อาทิ การระเบิด เหมืองแร่ถล่ม การรั่วไหลของสารเคมีอันตราย การขุดเจาะเหมืองน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ การก่อสร้างอุโมงค์ อัคคีภัยในอาคารสูง เป็นต้น
ทุกวันนี้ จีนจึงมีขีดความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่มีความสลับซับซ้อนที่เกิดขึ้นจากกระบวนการการผลิต และการทำงานในโรงงาน รวมถึงภัยธรรมชาติได้อย่างครบวงจร นอกจากนี้แล้ว งานด้านการพัฒนาและฝึกอบรมทีมกู้ภัยและการให้ความช่วยเหลือหรือฟื้นฟูด้านต่างๆ ก็ได้เดินหน้าอย่างต่อเนื่องด้วย ทำให้ทั่วประเทศจีนมีทีมงานมืออาชีพด้านการกู้ภัยและการให้ความช่วยเหลือภัยพิบัติฉุกเฉินประเภทต่างๆ ทั้งหมดมากกว่า 1,000 ทีม รวมเจ้าหน้าที่กว่า 72,000 คน ซึ่งเคยผ่านการปฏิบัติงานในการกู้ภัยที่เกิดจากอุบัติเหตุร้ายแรงจำนวนหลายครั้ง ระบบกู้ภัยของจีนในวันนี้จึงจัดว่ามีความพร้อมสูงในระดับโลก ไม่แพ้ประเทศที่พัฒนาแล้ว
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ให้ความสำคัญต่อระบบกู้ภัยและการให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนอย่างชัดเจน ดังกรณีที่มีการจัดตั้ง “ทีมดับเพลิงกู้ภัยส่วนรวมระดับชาติ” เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 โดยถือเป็นแผนงานด้านยุทธศาสตร์ของประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับระบบบริหารจัดการประเทศที่ทันสมัย
มาตรการต่างๆ จึงมุ่งเน้นในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับงานบริหารจัดการอุบัติเหตุอันตรายและการกู้ภัย อันมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเพิ่มศักยภาพด้านการป้องกัน การลดการเกิดอุบัติภัย การลดความสูญเสีย และการบรรเทาสาธารณภัย
ทุกวันนี้ เรื่องของอุบัติภัยใกล้ตัวอาจเกิดขึ้นและสร้างความเสียหายได้เสมอ ธุรกิจอุตสาหกรรมจึงต้องเฝ้าระวังที่ “ความเสี่ยง” เป็นเบื้องต้น โดยเฉพาะความเสี่ยงประเภทที่เกินค่ามาตรฐานที่ยอมรับได้ ดังนั้น ที่ไหนที่มีความเสี่ยงจากสภาพเครื่องจักรกล สารเคมี วัตถุอันตราย และวิธีการทำงานที่ไม่ปลอดภัยของพนักงาน ก็มี “โอกาส” ที่จะเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ผู้คนบาดเจ็บพิการหรือ ล้มตายได้ ผู้บริหารจึงต้องเร่ง “กำจัด” ความเสี่ยงต่างๆ ให้หมดไปและเตรียมหามาตรการป้องกันให้พร้อม รวมถึงการกำกับดูแลและควบคุมมาตรการต่างๆ อย่างใกล้ชิด
“ความเป็นผู้นำ” ของผู้บริหารระดับสูง จึงมีความสำคัญยิ่งต่อ “การป้องกันอุบัติเหตุและการสร้างเสริมความปลอดภัย” ที่สามารถทำให้พนักงานทุกคนมี “คุณภาพชีวิต” ที่ดีขึ้น ครับผม !
วิฑูรย์ สิมะโชคดี