แจงเหตุเพลิงไหม้เซ็นทรัลเวิลด์ เริ่มที่บี2 ลามตามท่อทะลุชั้น 8 เร่งตรวจสอบหาสาเหตุ กทม.ปิดห้ามใช้พื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เจ้าหน้าที่จากสำนักการโยธากรุงเทพมหานคร สำนักป้องกันและบรรเทาภัย กรุงเทพมหานคร สภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ผู้บริหารบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยนายพิชญะ จันทรานุวัฒน์ เลขาธิการ วสท. เปิดเผยว่า จุดเกิดเหตุต้นเพลิงอยู่ที่บริเวณชั้นบี2 เป็นห้องเครื่องระบบต่างๆ ปั๊มน้ำ ระบบบำบัดน้ำเสีย นอกจากนี้ยังพบว่ามีถังน้ำมันด้วย โดยพื้นที่ทั้ง 400 ตร.ม.ได้รับความเสียหายทั้งหมด และในพื้นที่บริเวณนี้มีสปริงเกลอร์พ่นน้ำ พบว่าสปริงเกลอร์แตกออกเพื่อทำงาน ซึ่งอุณหภูมิต้องสูงถึง 60 องศาเซลเซียส แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจุดที่สปริงเกลอร์แตกจุดใดที่เป็นต้นเพลิงทำให้เกิดการลุกไหม้ ทั้งนี้ ทำให้เกิดควันและแก๊สที่ลอยขึ้นไปตามท่อระบายอากาศ ซึ่งลอยขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านชั้นต่างๆ แต่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายในชั้นต่ำ จนไปถึงจุดที่ท่อระบายเจอทางแยก บริเวณชั้น 8 ซึ่งจุดทางนี้เป็นท่อตรงชนกับท่อแนวนอนทำให้ท่อแตกออกและกลุ่มควันและแก๊สเจอกับเชื้อเพลิงเกิดการลุกไหม้ขึ้น และแผ่ออกเป็นวงกว้างในแนวราบ ทั้งนี้ ที่ท่อระบายอากาศแตกและเกิดการลุกไหม้เป็นจุดอยู่บริเวณหน้าห้องซึ่งเป็นสำนักงานขนาดเล็กพื้นที่ 80 ตร.ม. เป็นห้องที่มีผู้เสียชีวิตโดดออกทางหน้าต่างลงมาด้านล่าง ซึ่งในบริเวณชั้น 8 นี้มีจุดดักจับควัน สปริงเกลอร์ ทางหนีไฟ แต่เหตุเกิดหน้าห้องสำนักงาน สันนิษฐานว่า ความร้อนและควันจำนวนมากทำให้ผู้เสียชีวิตอาจจะหนีไม่ได้ หรือพนักงานที่เสียชีวิตอาจจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ช่วยเหลือบุคคลอื่นให้รอดชีวิตก่อน แต่เพลิงรุนแรงไม่สามารถหาทางออกได้ ซึ่งต้องให้ความชื่นชมเป็นฮีโร่
“สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเหตุในครั้งนี้ต้องให้กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อพิสูจน์สาเหตุจึงจะสามารถสรุปได้ ขณะที่ท่อระบายอากาศก็ต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นท่อระบายอากาศทั่วไป หรือท่อระบายความร้อนซึ่งมีการใช้วัสดุที่ทนไฟหรือไม่ ทั้งนี้ อาจจะต้องมีการตรวจสอบการออกแบบอาคารว่ามีเรื่องการกั้นแยกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นอาคารใหม่ส่วนใหญ่จะมีระบบไฟร์คอมพาร์ตเมนต์ ที่แบ่งพื้นที่ในอาคารออกเป็นส่วน และทำหน้าที่ป้องกันการลามของไฟระหว่างแต่ละส่วนของอาคาร ทั้งในแนวราบและแนวดิ่งซึ่งช่วยให้คนหลบหนีและลดความเสี่ยงของอาคารที่พังทลายลงเนื่องจากการแพร่กระจายของไฟได้ ซึ่งเซ็นทรัลเวิลด์อาจจะมีการใช้โครงสร้างเดิมบางส่วนของอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ซึ่งสมัยนั้นไม่มีกฎหมายนี้บังคับ นอกจากนี้อยากให้ทุกอาคารให้ความสำคัญกับไฟร์คอมพาร์ตเมนต์มากขึ้น ซึ่ง วสท.จะมีการกำหนดและเพิ่มมาตรฐานต่อไป” นายพิชญะกล่าว
นายสิริวัฒน์ ไชยชนะ ที่ปรึกษา วสท. กล่าวว่า จากการตรวจสอบโครงสร้างอาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ พบว่าโครงสร้างอาคารยังมีความคงทนแข็งแรงไม่ได้รับความเสียหาย เพราะเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นในระยะสั้นและสามารถควบคุมเพลิงได้ แต่พบว่ามีเขม่าควันดำที่ติดอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ โดยขอยืนยันว่าโครงสร้างอาคารมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะสามารถเปิดใช้งานอาคารต่อไปได้
นายอมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวว่า โครงสร้างอาคารมีความมั่นคงแข็งแรง คอนกรีตไม่กะเทาะร่อน และไฟเผาไม่ถึงเหล็กเสริมด้านใน แต่การจะเปิดใช้อาคารได้หรือไม่ได้นั้นต้องต้องตรวจสอบเรื่องงานระบบก่อน เพราะอาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์เป็นอาคารขนาดใหญ่พิเศษ อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายควบคุมอาคารซึ่งจะมีข้อกำหนดต่างๆ โดยเบื้องต้นจะมีการประสานไปยังสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองกรุงเทพ ซึ่งเป็นผู้อนุญาตก่อสร้างอาคาร เพื่อเรียกวิศวกรผู้ออกแบบอาคาร และเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งโครงสร้าง งานระบบน้ำ ไฟฟ้า ระบบป้องกันอัคคีภัยต่างๆ เพื่อนำมาตรวจสอบ ขอความเห็นด้านวัสดุต่างๆ ที่นำมาใช้ เพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว
นายนพดล ฉายปัญญา ผู้อำนวยการกองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีความกังวลเรื่องระบบต่างๆ หากเปิดใช้พื้นที่เกิดเหตุ จึงต้องรอทางเซ็นทรัลเวิลด์ว่าจะมีการปิดกั้นระบบและปิดพื้นที่ใดบ้าง ซึ่งเบื้องต้นที่ปิดใช้งานแน่นอน คือจุดเกิดเหตุที่ชั้นบี2 ห้องเครื่องและชั้น 8 ที่เกิดเพลิงไหม้
“ขณะนี้รอทางเซ็นทรัลทำแผนว่าจะบล็อกจุดใดบ้าง และทาง กทม.จะส่งทีมงานมาช่วยตรวจสอบว่าถูกต้องและปลอดภัยหรือไม่ และหากจะเปิดใช้พื้นที่บริเวณนี้อีกครั้งจะต้องมาแจ้ง โดยมีวิศวกรตรวจสอบยืนยันว่ามีความปลอดภัยแล้ว เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด” นายนพดลกล่าว
