นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจทีวีดิจิทัล อาจมีผู้ประกอบการ 7-8 รายคืนใบอนุญาตประกอบกิจการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ถือใบอนุญาตมากเกินไป และเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งต้องพิจารณาตัดส่วนธุรกิจที่ไม่ได้ทำกำไรหรือไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มทิ้ง
“ประเมินช่องทีวีดิจิทัลที่จะคืนใบอนุญาตนั้น เป็นช่องรายการเด็กเพราะไม่มีรายได้ ช่องข่าวหรือกลุ่มหนังสือพิมพ์เก่าที่ถือใบอนุญาต 2-3 และช่องทีวีทั่วไปแบบความคมชัดปกติ (เอสดี) บางช่อง รวม 7-8 ช่อง” นายเขมทัตต์ กล่าว
นายเขมทัตต์ กล่าวว่า ส่วนของ อสมท วันที่ 23 เมษายน 2562 คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีกำหนดการประชุมและวันที่ 25 เมษายน 2562 มีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทจะนำผลการศึกษาแนวทางการบริหารใบอนุญาต 2 ใบ และ 1 โครงข่ายนำเสนอบอร์ดพิจารณาต่อไป โดยจะพิจารณาปัจจัยด้านต้นทุนการเงิน 2 ช่อง บวกกับค่าคอนเทนต์อีก 9-10 ปีในกรณีที่ไม่คืนใบอนุญาต แต่หากบอร์ดมีมติคืนใบอนุญาตจะนำผลการศึกษาต้นทุนเสนอให้บอร์ดพิจารณาว่าจะลดลงเท่าไหร่ ขณะเดียวกันทางชมรมโครงข่ายทีวีดิจิทัลจะนัดประชุมประเมินมาตรการของกสทช. เพื่อกำหนดท่าทีอีกครั้งเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม หาก กสทช. ไม่ประกาศใช้มาตรา 44 ทาง อสมท ก็มีแผนปรับปรุงช่องรายการเด็กอยู่แล้ว ซึ่งล่าสุดได้หุ้นส่วนรายใหม่เข้ามาร่วมธุรกิจแล้ว แต่เมื่อมีมาตรา 44 ออกมา ก็คงต้องไปดูว่าในเชิงกฎหมายมีการเซนร่วมงานอะไรบ้าง โดยขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่า อสมท จะคืนช่องรายการเด็กหรือไม่ เพราะเราเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลท. ทำให้มีผลต่อราคาหุ้น แต่อยากเสนอ กสทช. ว่าการจะประกาศมาตรการต่างๆ ออกไปควรต้องมีการหารือกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ด้วย เนื่องจากมีผลกระทบต่อแผนการลงทุนในกลุ่มโทรคมนาคม และการชำระหนี้
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
