กนอ.รับลูก’บิ๊กตู่’เร่งเจรจาปตท.-กัลฟ์ผุดท่าเรือฯมาบตาพุดเฟส 3 เข้าครม. 4 มิ.ย.

น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เปิดเผยถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เมื่อวันที่ 23 เมษายนให้ กนอ.เร่งดำเนินการคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาพัฒนาโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 (ช่วงที่1) ว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้กนอ.ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลา และต้องโปร่งใส ถูกต้อง ตรวจสอบได้ ตามกฎระเบียบเงื่อนไขของการคัดเลือก(อาร์เอฟพี) เพราะจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้นกนอ.จะเร่งดำเนินการเจรจากับภาคเอกชนที่ประมูลจบภายในเดือนเมษายน 2562 มั่นใจว่าจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 4 มิถุนายน 2562 และลงนามสัญญาร่วมทุนกับเอกชนได้ภายในเดือนมิถุนายน

“นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้การเจรจาเป็นไปอย่างโปร่งใสและให้เกิดประโยชน์สูงสุดที่ภาครัฐจะได้รับจากการเปิดให้ภาคเอกชนเข้าบริหารจัดการท่าเรือในระยะ 30 ปี ซึ่งโครงการท่าเรือดังกล่าวเป็นโครงสร้างพื้นฐานระยะแรกจึงต้องดำเนินงานให้แล้วเสร็จทันกับการขยายการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่จะเกิดขึ้นในระยะ5ปีข้างหน้า”น.ส.สมจิณณ์กล่าว

น.ส.สมจิณณ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตามกนอ.ได้รายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่3 (ช่วงที่1) ที่คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนได้มีการออกประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 และมีการขายเอกสารร่วมลงทุนวันที่ 9-21 พฤสจิกายน 2561 มีผู้ซื้อเอกสารจำนวน 18 ราย ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 มีเอกชนยื่นข้อเสนอ 1 กลุ่ม คือ กลุ่มกิจการร่วมค้า ได้แก่ กัลฟ์และพีทีทีแทงค์(บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด)โดยได้มีการเปิดซองเพื่อพิจารณาคุณสมบัติเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 และมีการเปิดซองด้านเทคนิคเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2562 และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในเรื่องของข้อเสนอด้านราคาที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ตอบแทนรัฐที่จะให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาผลตอบแทนที่รัฐจะได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งแผนการก่อสร้าง แผนบริหารจัดการท่าเรือฯภายหลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จ อัตราค่าบริการในการขนถ่ายสินค้า จากนั้นคณะกรรมการฯจะส่งร่างสัญญาไปยังสำนักงานอัยการภายในเดือนพฤษภาคม และเตรียมเสนอต่อครม.พิจารณา”น.ส.สมจิณณ์กล่าว

Advertisement

สำหรับแผนการพัฒนาโครงการฯ ดังกล่าว แบ่งออกเป็น 2 ช่วง มูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 55,400 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2568 ประกอบด้วยช่วงที่ 1 การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในส่วนการขุดลอกและถมทะเล พื้นที่ 1,000 ไร่ แบ่งเป็น พื้นที่ใช้ประโยชน์ 550 ไร่ และพื้นที่เก็บกักตะกอน 450 ไร่ การขุดลอกร่องนํ้า และแอ่งกลับเรือ การก่อสร้างเขื่อนกันคลื่น การก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมการเดินเรือ ท่าเทียบเรือบริการ และท่าเรือก๊าซรองรับปริมาณการขนถ่ายก๊าซได้ 10 ล้านตันต่อปี ส่วนช่วง ที่ 2 จะเป็นการลงทุนพัฒนาก่อสร้างในส่วนของท่าเรือ กนอ.จะดำเนินการออกทีโออาร์เพื่อประกาศเชิญชวนภาคเอกชนที่สนใจเข้าร่วมพัฒนา โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนพัฒนาท่าเทียบเรือสินค้าเหลวรองรับปริมาณขนถ่ายสินค้าเหลวได้ 4 ล้านตันต่อปีคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี
2566

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image