แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังไม่นำเสนอมาตการแจกเงินคนละ 1,500 บาท ให้นำไปเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด มีเป้าหมาย 10 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทแล้ว เนื่องจาก ผลการหารือระหว่างกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ พบว่า ไม่สามารถใช้เงินจากงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินได้ นอกจากนี้การแจกเงินในลักษณะดังกล่าวมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาก แม้จะทำหลังเลือกตั้งก็ตาม ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งให้กระทรวงการคลังทบทวนมาตรการดังกล่าว โดยมาตรการส่งเสริมท่องเที่ยวเหลือมาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวเพิ่มให้ถึง 2 หมื่นบาทต่อราย จากเดิมเคยให้ 1.5 หมื่นบาทต่อราย
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ทั้งนี้มาตรการที่กระทรวงการคลังเสนอครม.วันที่ 30 เมษายน คือการเติมเงินเข้าไปในบัตรสวัสดิการสำหรับผู้มีรายได้น้อยงบรวม 1.3 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย ให้เงินผู้ปกครองที่มีลูกหลานกำลังเรียนอยู่จะได้รับเงินคนละ 500 บาทต่อบุตร 1 คน ถ้ามีบุตร 3 คน จะได้รับเงินรวม 1,500 บาท เพื่อให้นำเงินไปซื้ออุปกรณ์การเรียน โดยอิงข้อมูลบุตรกำลังศึกษาจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) มีอยู่ประมาณ 2.6 ล้านคน จะให้เงินกับแม่ก่อน ถ้าแม่ไม่อยู่ หรือแยกทางกันและพ่อดูแล จะจ่ายให้พ่อแทน โดยจะจ่ายเป็นเงินเข้าไปในบัตรครั้งเดียวในเดือนพฤษภาคม
นอกจากนี้เกษตรกรถือบัตรสวัสดิการและขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำนวน 4 ล้านคน ได้รับเงินคนละ 1,000 บาทครั้งเดียวในเดือนพฤษภาคม โดยเป็นเงินช่วยเหลือสำหรับซื้อปุ๋ย รวมถึงแจกเงินกับคนพิการจำนวน 1 ล้านคน ที่ขึ้นทะเบียนไว้และถือบัตรสวัสดิการรับเงินเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน 2562
นอกจากนี้ใส่เงินเพิ่มสำหรับซื้อของร้านธงฟ้าของผู้ถือบัตรสวัสดิการทั้ง 14.5 ล้านคน เป็น 500 บาทต่อเดือนทุกคน เป็นเวลา 2 เดือน ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน จากเดิมได้รับเดือนละ 200 บาท สำหรับผู้มีรายได้เกิน 3 หมื่นบาท-1 แสนบาท และได้รับ 300 บาท สำหรับผู้มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
