เอเอ็มจีรุกหนักเปิดพรึบเดียว5รุ่น ‘จีที63’ครั้งแรกในเอเชียอาคเนย์

Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé

บุกตลาดรถยนต์หรูอย่างหนักและต่อเนื่อง สำหรับ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด สร้างสีสันให้กับวงการรถหรูอีกครั้ง เมื่อเปิดตัวรถสปอร์ตสมรรถนะสูง 5 รุ่นใหม่ ภายใต้แบรนด์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี (Mercedes-AMG) เอาใจคนรักความเร็ว และแรงโดยเฉพาะ

งานนี้เอเอ็มจียกทัพมาทั้งรุ่น จีที 56 โฟร์เมติกพลัส สี่ประตู คูเป้ (GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé) รุ่น จีที 63 เอส โฟร์เมติกพลัส 4 ประตู คูเป้ (GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé) เป็นเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือเอเชียอาคเนย์ รุ่น จี 63 (G 63) รุ่น ซี43 โฟร์เมติก (C 43 4MATIC) รุ่นประกอบในประเทศ และ รุ่น อี 53 โฟร์เมติกพลัส (E 53 4MATIC+) รุ่นประกอบในประเทศ

Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé

โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การนำเสนอรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที แบบคูเป้ 4 ประตูนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าโรงงานของเราที่เมืองซินเดลฟิงเก้นเป็นโรงงานผลิตและพัฒนารถยนต์หรูชั้นสูงอย่างแท้จริง รถยนต์รุ่นนี้ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือของทีมงานเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีใช้ปรัชญาการผลิตเครื่องยนต์ทุกเครื่อง แบบ “1 ช่างฝีมือ ต่อเครื่องยนต์ 1 เครื่อง” หรือ “วัน แมน วัน เอ็นจิ้น” (one man, one engine) กล่าวคือ เครื่องยนต์ของรถยนต์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีแต่ละคันจะผลิตด้วยมือและใช้ช่างฝีมือเพียง 1 คนเท่านั้นตลอดกระบวนการประกอบ และในขั้นตอนสุดท้าย ช่างฝีมือที่ประกอบเครื่องยนต์แต่ละเครื่องจะเซ็นชื่อของตนลงบนแผ่นโลหะที่ติดอยู่บนฝาครอบเครื่องยนต์เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพและมาตรฐาน ก่อนปี พ.ศ.2563 กลุ่มบริษัทเดมเลอร์จะลงทุนประมาณ 1.5 พันล้านยูโรที่โรงงานผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีแห่งนี้ เพื่อปรับเปลี่ยนให้โรงงานทันสมัย รองรับความต้องการมากขึ้นในอนาคต พร้อมลงทุนเพิ่มอีก 600 ล้านยูโรเพื่อวิจัยและพัฒนา ส่งผลให้การลงทุนในครั้งนี้มีมูลค่ารวมกว่า 2.1 พันล้านยูโร

Advertisement

ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่การเปิดตัวแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2560 ได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ 4 รุ่น อย่าง จีแอลซี 43 โฟร์เมติก คูเป้ (GLC 43 4MATIC Coupé) จีแอลเอ 45 โฟร์เมติก (GLA 45 4MATIC) จีที อาร์ (GT R) และ จีที ซี โรดสเตอร์ (GT C Roadster) ได้รับการตอบรับอย่างดี และรุกต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอรถยนต์อีก 6 รุ่น ได้แก่ ซี 43 โฟร์เมติก คูเป้ โลคัล โปรดักชั่น (C 43 4MATIC Coupé LOCAL PRODUCTION) จีแอลซี 43 โฟร์เมติก คูเป้ โลคัล โปรดักชั่น (GLC 43 4MATIC Coupé LOCAL PRODUCTION) อี 63 เอส โฟร์เมติกพลัส (E 63 S 4MATIC+) ซี 43 โฟร์เมติก คูเป้ เฟซลิฟท์ โลคัล โปรดักชั่น (C 43 4MATIC Coupé Facelift LOCAL PRODUCTION) ซีแอลเอส 53 โฟร์เมติกพลัส (CLS 53 4MATIC+) และ จีที เอส (GT S) ในปีพ.ศ. 2561 ทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นถึง 309% เมื่อเทียบกับปี 2017 โดยปีนี้ประเดิมเปิดตัวรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีไปแล้ว 2 รุ่น คือ ซีแอลเอส 53 โฟร์เมติกพลัส (CLS 53 4MATIC+) รุ่นประกอบในประเทศ และ อี 53 โฟร์เมติกพลัส คูเป้ (E 53 4MATIC+ Coupé) รุ่นนำเข้า สำหรับยอดขายเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีในไตรมาสแรกในปีนี้เติบโตขึ้นกว่า 79% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

“การเปิดตัวทั้ง 5 รุ่นครั้งนี้ เติมเต็มพอร์ทโฟลิโอของรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีในประเทศไทย ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 18 รุ่น ครอบคลุมทั้งตระกูล 43, 45, 53, 63, 63 S และเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที ปีนี้เตรียมมอบเซอร์ไพรส์นำเสนอรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีรุ่นใหม่ถึง 5 รุ่นทั้งรุ่นนำเข้าและรุ่นประกอบในประเทศอีกด้วย” ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์กล่าว

ทั้งนี้ GT 4-Door Coupé เป็นสมาชิกใหม่ของรถยนต์ตระกูล AMG GT เป็นรถสปอร์ต 4 ประตูที่มีรากฐานมาจากทั้งรถยนต์ตระกูล SLS และ AMG GT หลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า ท่อไอเสียคู่ ล้ออัลลอย AMG น้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้ว 5 ก้านคู่

Advertisement

รุ่น GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé มาพร้อมกับ ระบบอีคิวบูสท์ (EQ Boost) มอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษเป็นตัวกลางช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ และยังสามารถสร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ เอเอ็มจี เพอร์ฟอร์แมนซ์ โฟร์เมติกพลัส (AMG Performance 4MATIC+) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ รักษาสมดุลและเสถียรภาพของรถ ระบบช่วงล่าง เอเอ็มจี ไรด์ คอนโทรลพลัส (AMG RIDE CONTROL+) ใช้ระบบ เอดีเอสพลัส (ADS+) ปรับได้ 3 ระดับตามสไตล์การขับขี่และสภาพถนน, ระบบ เอเอ็มจี ไดนามิก ซีเลคต์ (AMG DYNAMIC SELECT) ปรับได้ 3 โหมด คือ สปอร์ต สปอร์ตพลัส และอินดิวิดวล

มีระบบ แอ๊กทีฟ เบรกกิ้ง แอสสิสท์ (Active Braking Assist) ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถยนต์คันอื่น หรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยก ะระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) มาพร้อมกับกล้อง 360 องศา

GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé ใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ วี8 ไบเทอร์โบ (V8 BITURBO) ให้กำลังสูงสุดถึง 639 แรงม้า มาพร้อมระบบควบคุมการเลี้ยวด้วยล้อหลัง (AMG Rear Axle Steering) เอเอ็มจี ไดนามิก พลัส แพคเกจ (AMG DYNAMIC PLUS package) ช่วยเสริมพลศาสตร์ยานยนต์และลักษณะรถยนต์แบบสปอร์ต นอกจากยางรองแท่นเครื่องยนต์และที่ยึดเกียร์แบบไดนามิกแล้ว แพคเกจดังกล่าวยังมีระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตปรับให้แน่นขึ้น รวมถึงระบบบังคับเลี้ยวแบบพิเศษด้วย

GT 4-Door Coupé ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ เอเอ็มจี สปีดชิฟท์ ทีซีที 9 สปีด (AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed) มีชุดคำสั่งเฉพาะ ช่วยให้ระยะทดกำลังเมื่อเปลี่ยนเกียร์สั้นที่สุด ทำให้ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นได้เร็วกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ในโหมด สปอร์ตพลัส และโหมดกำหนดเอง

สำหรับราคา GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé ราคา 9,990,000 บาท และ GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé ราคา 14,990,000 บาท

ในส่วนของรุ่น G 63 รถยนต์หรูแบบออฟโร้ด โครงสร้างตัวถังทรงสี่เหลี่ยม ใช้เหล็กกล้าหลายระดับ ทนทานและแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าโครงสร้างเดิม 55% และ ยังช่วยดูดซับเสียงรบกวนในห้องโดยสารได้ดีขึ้น

Mercedes-AMG G 63

สปอยเลอร์ ฝากระโปรงหน้า และประตูใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุหลัก มาพร้อมกับหลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอย AMG ขนาด 21 นิ้ว 5 ก้านคู่ ไฟหน้าทรงกลมที่ใช้ระบบ มัลติบีม แอลอีดี (MULTIBEAM LED) เทคโนโลยีขั้นสูง ไฟเลี้ยวแบบเชื่อมเข้ากับตัวถัง กันชนเสริมให้ดูดุดันเข้ากับแถบสีดำเงา และตราสัญลักษณ์เอเอ็มจีสีเงิน

ที่แขวนยางอะไหล่ด้านหลังพร้อมฝาปิดทำจากสแตนเลส ด้านหน้าของตัวรถเป็นกระจังและกันชนหน้าของเอเอ็มจีมีท่อรับอากาศด้านข้างและเก็บขอบเป็นสีเงินอิริเดียม หลังคาของรถเชื่อมต่อกับโครงสร้างตัวถังด้วยกระบวนการเชื่อมโดยใช้แสงเลเซอร์แทนการเชื่อมแบบอัด ช่วยให้ส่วนหลังคาเรียบเนียนและแข็งแกร่งกว่าเดิม พร้อมทั้งยังมีการเชื่อมหน้าต่างเข้ากับตัวถังโดยตรงเป็นครั้งแรกเพื่อให้ตัวถังแข็งแกร่งขึ้น ลดการสึกกร่อนของกรอบหน้าต่างด้วย

มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เน้นการกระจายกำลังไปที่ล้อคู่หลังแบบ 40 : 60, ระบบช่วงล่าง เอเอ็มจี ไรด์ คอนโทรล ปรับได้ตามสไตล์การขับขี่และสภาพถนน มีอัตราการใช้พลังงานแบบผสมที่ 13.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมที่ 299 กรัมต่อกิโลเมตร มาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ เอเอ็มจี สปีดชิฟท์ ทีซีที 9 สปีด มีชุดคำสั่งเฉพาะช่วยให้ระยะทดกำลังเมื่อเปลี่ยนเกียร์สั้นที่สุด ช่วยให้ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นได้เร็วกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ในโหมด สปอร์ตพลัส และโหมดกำหนดเอง G 63 ราคา 14,790,000 บาท

C 43 4MATIC รุ่นประกอบในประเทศ ดีไซน์ภายนอกของรถยนต์รุ่นนี้ ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าเอเอ็มจีก้านคู่ตกแต่งด้วยสีเงิน แบบด้าน ฝากระโปรงหน้าที่ปรับแต่งด้วยเส้นสายใหม่ให้สวยงามกว่าเดิม มาพร้อมกับประตูแบบไร้ขอบ กรอบกระจกมองข้างสีดำแบบลอยตัว จากตัวถัง ขอบตกแต่งสีดำเงาบริเวณด้านข้างตัวรถและกรอบหน้าต่าง เส้นสายด้านข้างตัวรถยาวลงไปถึงซุ้มล้อหลัง ตกแต่งรอบคันด้วย เอเอ็มจี บอดี้สไตลิ่ง (AMG Bodystyling) ที่กันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง

มีนวัตกรรมและเทคโนโลยี คือชุดคำสั่งเอเอ็มจี เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้การขับขี่มีความสปอร์ต ได้แก่ หน้าจออุณหภูมิของเหลว (Warm-up) แสดงอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และแรงดันในโหมด บูสต์ (Boost) หน้าจอการตั้งค่า (Setup) แสดงข้อมูลของโหมดการขับขี่ที่ใช้งานอยู่ การตั้งค่าระบบ กันสะเทือน โหมดการปล่อยไอเสีย การตั้งค่าระบบ ESP และเกียร์ที่ใช้อยู่ หน้าจอแรงจี (G-Force) แสดงแรงจีปัจจุบันที่กดลงมาที่ตัวรถ เมื่อผู้ขับขี่ใช้ความเร็วใดๆ และให้คำแนะนำในการขับขี่ให้เหมาะสม และหน้าจอจับเวลา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image