เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 4 พฤษภาคม ภายหลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” พสกนิกรที่มาเฝ้าฯรับเสด็จบริเวณท้องสนามหลวง และถนนหน้าพระลาน ต่างรับฟังผ่านการถ่ายทอดสดผ่านจอแอลอีดี หลายคนพนมมือน้อมใส่เกล้าด้วยความปีติ ด้วยรอยยิ้ม
นางสุวัฒนา จันทะเสน อายุ 71 ปี ข้าราชการครูบำนาญ มาพร้อมเพื่อนบ้าน นางวงค์ พิลากรณ์ อายุ 52 ปี ซึ่งตั้งใจลางาน 3 วันเพื่อมาเฝ้าฯรับเสด็จและร่วมในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กล่าวร่วมกันว่า พวกเรารู้สึกปีติยินดีกับพระปฐมบรมราชโองการ ที่พระองค์จะสืบสาน รักษา ต่อยอดพระราชกรณียกิจในหลวง รัชกาลที่ 9 เพราะเราต่างก็น้อมนำหลักคำสอนของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาใช้อย่างเรื่องเกษตรผสมผสาน เศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้ ชื่นชอบโครงการพระราชดำริจิตอาสาเราทำความ ดี ด้วยหัวใจ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทำให้คนไทยได้มาร่วมกันทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ จึงเป็นโครงการที่พวกเราติดตามตลอด แม้ไม่ได้เป็นสมาชิก แต่ก็มีหัวใจเป็นจิตอาสาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตั้งใจจะมางานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกให้ครบทุกคน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและอยากมาร่วมแสดงความจงรักภักดีกษัตริย์พระองค์ใหม่
นายศิริสันต์ เรืองศิริ อายุ 37 ปี ชาวเขตบางเขน กรุงเทพฯ หยุดงานพาลูกๆมาชมความยิ่งใหญ่ของงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเฝ้าฯรับเสด็จ กล่าวว่า รู้สึกขนลุกที่ได้ยินพระปฐมบรมราชโองการ เพราะเหมือนในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานมาทุกอย่าง ไฟ น้ำ ดิน ถนนหนทางทุกอย่าง แต่จากนี้ประเทศไทยจะเจริญถึงขีดสุด ด้วยการสืบสานรักษาวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามให้สืบต่อไป ต่อยอดด้วยเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ เชื่อว่าประเทศไทยจากนี้จะไปได้ไกล ทั้งนี้ ชื่นชอบโครงการเราทำความ ดี ด้วยหัวใจ ได้เห็นภาพเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ตนแม้ไม่มีโอกาสสมัครเป็ตสมาชิก แต่หัวใจก็อยากเป็นจิตอาสาและจะสอนลูกๆให้มีหัวใจเป็นจิตอาสา
“อยากพาครอบครัวมาชมงานพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ อยากให้ลูกๆมาเห็นและสัมผัสว่าความเป็นคนไทยมีความจงรักภักดีอยู่ในหัวใจ เพื่อจะช่วยรักษาสืบสานต่อยอดต่อไป จึงมาเฝ้าฯรับเสด็จ แม้ต้องนั่งท่ามอากาศร้อนก็อดทนได้“ นายศิริสันต์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเสด็จฯโดยขบวนพระบรมราชอิสริยยศไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แม้จะเป็นพระราชพิธีในพระบรมมหาราชวัง แต่พสกนิกรก็ยังปักหลักเฝ้ามองจากการถ่ายทอดสดผ่านจอแอลซีดี ที่ติดตั้งรอบบริเวณพระบรมมหาราชวัง หลายคนต่างพนมมือเหนือหัวเมื่อได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ขณะที่ประชาชนจำนวนมากไปเฝ้ารอตรงประตูวิเศษไชยศรี ซึ่งสามารถเห็นริ้วขบวนเดินอยู่ขณะหนึ่ง เมื่อได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับพระราชยานพุดตานทอง ต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง บางส่วนได้รับโอกาสให้เข้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อเฝ้าฯรับเสด็จอย่างใกล้ชิด พบว่าครั้นเสด็จฯผ่านทรงชูพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขึ้นเหนือหัว ทั้งเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องด้วยความปีติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหันพระพักตร์ทอดพระเนตรประชาชนเป็นระยะด้วยพระพักตร์แจ่มใส เช่นเดียวกับพสกนิกรที่มาปักหลักบริเวณฟุตปาธตรงข้ามประตูสวัสดิโสภา ครั้นได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างเสด็จฯจากพระอุโบสถ ไปยังปราสาทพระเทพบิดร ต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องเช่นกัน และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯกลับ ทรงโบกพระหัตถ์ทักทายพสกนิกรที่มาเฝ้าฯรับเสด็จและเปล่งเสียงทรงพระเจริญ เป็นความปีติแก่พสกนิกรที่มาเฝ้าฯรับเสด็จอย่างหาที่สุดมิได้
หนึ่งในประชาชนที่เฝ้าฯรับเสด็จ นายศักดา สัจจะมิตร อายุ 70 ปี ชาวไทยเชื้อสายอินเดีย กล่าวด้วยสีหน้าปลาบปลื้มว่า รู้สึกปลื้มปิติที่ได้เห็นพระองค์ทรงแย้มพระสรวลและทรงโบกพระหัตถ์ทักทาย และรู้สึกยินดีมาก ที่ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอดพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 9 ตอนได้ฟังรู้สึกขนลุกมาก เพราะเหมือนว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ทรงอยู่กับคนไทยตลอด โดยมีพระราชโอรสเดินตามรอย อย่างไรก็ดี ชื่นชอบโครงการจิตอาสาเราทำความ ดี ด้วยหัวใจ ที่ทำให้คนนับแสนนับล้านมาร่วมทำงานถวายพระองค์ รวมถึงงานอุ่นไอรักคลายความหนาว ที่ทำให้คนไทยได้รู้จักประเพณีที่สวยงาม จากที่เริ่มจะสูญหาย ได้กระตุ้นให้คนไทยได้รู้จักและรักความเป็นไทยอีกครั้ง
“เริ่มต้นในแผ่นดินใหม่ ผมตั้งใจทำความดีทุกอย่างถวายพระองค์ อะไรก็ได้ที่เป็นการทำดีและมีประโยชน์ต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และอยากเชิญชวนคนไทยมาร่วมกันทำความดีถวายพระองค์” นายศักดากล่าว
