ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เพิ่มแรงกดดันให้จีนเร่งบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐด้วยการประกาศเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมตามเวลาในสหรัฐว่า เขาจะปรับขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.4 ล้านล้านบาทภายในสัปดาห์นี้ และยังตั้งเป้าที่จะปรับเพิ่มอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีกหลายแสนล้านดอลลาร์หลังจากนี้ด้วย
ทรัมป์ทวีตว่า “การจัดทำข้อตกลงทางการค้ากับจีนยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แต่เป็นไปอย่างล่าช้ามากกว่าที่ควร พวกเขาพยายามที่จะให้มีการเจรจาใหม่ ไม่มีทาง”
ผู้นำสหรัฐระบุว่า กำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 2 แสนล้านดอลลาร์ จะถูกปรับขึ้นเป็น 25% ในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ จากอัตราปัจจุบันที่ 10% นอกจากนี้สหรัฐยังจะปรับเพิ่มกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าของจีนมูลค่า 3.25 แสนล้านดอลลาร์เป็น 25% ในเวลาอันใกล้ด้วย
คำประกาศดังกล่าวถือว่าเป็นการเพิ่มความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นการเปลี่ยนท่าทีอย่างกระทันหันของทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้เพิ่งจะชื่นชมความก้าวหน้าในการเจรจาเพื่อจัดทำข้อตกลงทางการค้าระหว่างสองประเทศ
วอลสตรีทเจอนัลรายงานเมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ทางการจีนกำลังพิจารณาที่จะยกเลิกการหารือเพื่อจัดทำข้อตกลงทางการค้าที่กำหนดจะมีขึ้นที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้ หลังทรัมป์ออกมาประกาศจุดยืนดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดความประหลาดใจในหมู่เจ้าหน้าที่จีน ขณะที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นใดๆ ต่อรายงานข่าวชิ้นนี้
อย่างไรก็ดีมีรายงานข่าวว่าจีนไม่ยอมทำตามข้อตกลงบางประการตามที่ได้มีการตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ เป็นเหตุให้ทรัมป์ตัดสินใจประกาศปรับขึ้นกำแพงภาษีดังกล่าว
หลังคำประกาศของทรัมป์ตลาดหุ้นหลักพากันปรับตัวลดลงไปตามๆ กัน โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลง 54.75 จุด หรือ 1.86% ขณะที่ดัชนีแนสแดกปรับตัวลดลง 168 จุด หรือ 2.14% ส่วนดัชนีดาวโจนส์ลดลง 484 จุด หรือ 1.83%
