“ทักษิณ-คสช.” การเมือง 2 ยุค ต่างในความเหมือน

“ระบอบทักษิณ” คือ วาทกรรมที่ใช้เป็นข้อหากล่าวหาและดิสเครดิต “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี
ทั้งยังสร้างคำ “ทุนสามานย์” หรือ “ทักษิณาธิปไตย” เพื่อชี้ให้เห็นว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ

นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาต่างๆ นานา เช่น ใช้โครงการประชานิยม เพื่อให้ชาวบ้านชื่นชอบและสนับสนุนให้สืบทอดอำนาจ

เป็นเผด็จการรัฐสภา ที่คุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ

เป็นรัฐบาลเผด็จการ ที่สืบทอดอำนาจภายในวงศ์วานว่านเครือและพวกพ้อง รวมทั้งเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจตัวเอง

Advertisement

ใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ

ทำลายระบบคุณธรรมในระบบข้าราชการ โดยแต่งตั้งโยกย้ายบุคคลที่ใกล้ชิด หรือพวกพ้องให้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ทำให้ข้าราชการบางรายต้องยื่นฟ้องต่อศาล

เมื่อ คสช.เข้ามายึดอำนาจรัฐบาล”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จึงพยายามที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ไม่ให้ซ้ำรอยกับ คมช.ที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นประธาน

Advertisement

มีการสร้างกติกาและกลไกต่างๆ เพื่อกำจัดระบอบทักษิณ
แต่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คสช.ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานามากมาย

เรื่องการแทรกแซงองค์กรอิสระก็ถูกกล่าวหาไม่น้อยเช่นกัน

การแต่งตั้้งโยกย้ายข้าราชการ ทั้งการใช้อำนาจตามมาตรา 44 และการโยกย้ายตามปกติ ก็มีข้อครหา
หลายคนเติบโตในหน้าที่อย่างรวดเร็ว ที่หน้าชื่นตาบานก็มี แต่ส่วนใหญ่จะอกตรม

การบริหารงานของรัฐบาล และ สนช.ที่ทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร ก็ถูกวิจารณ์เรื่องการตรวจสอบ
การตั้ง ส.ว.250 คน โดย คสช. และให้อำนาจในการร่วมกับส.ส.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ก็ถูกตั้งคำถามและนำไปเปรียบเทียบกับเผด็จการรัฐสภา

ด้านการเมือง คสช.ก็พยายามปฏิรูปการเมืองใหม่ แต่การเมืองก็หนีไม่พ้นวังวนเก่า
มีออกกฎกติกาการเลือกตั้งใหม่ แต่การเมืองก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากวิธีการเดิมๆ
มีการดูด มีอดีต ส.ส.ย้ายพรรค ด้วยข้อเสนอและเงื่อนไขต่างๆ นานา

การจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง ก็ไม่หนีพ้นระบบโควต้า การต่อรองผลประโยชน์
พรรคพลังประชารัฐ ที่ 4 รัฐมนตรีออกมาตั้งพรรคเพื่อหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. เป็นนายกฯ ก็เจอปัญหาการเมืองแบบเดิมๆ

การจับขั้วตั้งรัฐบาลก็ไม่แตกต่างจากอดีต ที่มีการต่อรองขอเก้าอี้และเสนอเงื่อนไข
หากพรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลสำเร็จ ก็เชื่อได้ว่า จะเกิดการแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีกันอีกรอบ เพราะบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง และคนในพรรคพลังประชารัฐ ที่คิดว่า ตัวเองเหมาะสมมีจำนวนเกินกว่า ครม.ทั้งคณะ

สุดท้ายเก้าอี้รัฐมนตรีก็จะเป็นสมบัติผลัดกันชมอีกเช่นเคย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image