จัสมินฯ แจงตลท.ชนะคดี”สร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด (มหาชน) หรือ JAS ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยระบุว่า ขอเรียนชี้แจงให้ทราบเรื่องผลคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการสำหรับข้อพิพาท ระหว่าง บริษัท จัสมิน ชับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (“JSTC”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท กับคู่พิพาทรายหนึ่ง จำนวน 2 ข้อพิพาท ดังนี้

1.ข้อพิพาทระหว่าง JSTC (ผู้เรียกร้อง) และบริษัทรายหนึ่ง (ผู้คัดค้าน) และบริษัทอีกรายหนึ่ง (ผู้ร้องสอด) ซึ่ง JSTC ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อเรียกร้องให้ผู้คัดค้านชำระเงิน ส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาร่วมลงทุนสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ (ฝั่งตะวันออก) (“สัญญาร่วมลงทุนฯ”) เป็นจำนวนประมาณ 3,395 ล้านบาท

โดยเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 บริษัทได้รับทราบคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ฉบับลงวันที่ 29 เมษายน 2562 ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาด โดยมีสาระสำคัญคือ ให้ผู้คัดค้านรับผิดชอบชำระเงินส่วนแบ่งรายได้ตั้งแต่งวดเดือนกันยายน 2551 ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2554 รวมทั้งดอกเบี้ย คิดเป็นจำนวนเงิน 2,517.74 ล้านบาทจนถึงวันที่เสนอข้อพิพาท (22 ธันวาคม 2557) เป็นค่าดอกเบี้ยจำนวน 877.60ล้านบาท รวมยอดเงินต้นค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 3,395.35 ล้านบาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น 2,517.74 ล้านบาท นับแต่วันที่เสนอข้อพิพาทเป็นต้นไปจนกว่าผู้คัดค้านจะชำระจนเสร็จสิ้น คิดเป็นยอดเงินรวม 4,223.10 ล้านบาท (เมื่อคำนวณดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่เสนอข้อพิพาทจนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2562) ซึ่งการรับเงินส่วนแบ่งรายได้ดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาโอนสิทธิและหน้าที่การรับเงินตามสัญญาสัมปทาน และเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติที่ JSTC และผู้ร้องสอดได้ปฏิบัติต่อกันมาด้วยการร่วมกันรับเงินส่วนแบ่งรายได้จากผู้คัดค้าน โดยผู้ร้องสอดมีสิทธิได้รับเงินส่วนแบ่งรายได้เป็นเงินจำนวน 425.71 ล้านบาท (ณ วันสิ้นปี 2560) โดยเงินส่วนแบ่งรายได้ส่วนที่เหลือให้เป็นของ JSTC

2.ข้อพิพาทระหว่าง JSTC (ผู้คัดค้าน) และบริษัทรายหนึ่ง (ผู้เรียกร้อง) เกี่ยวกับสัญญาร่วมลงทุนฯ โดยผู้เรียกร้องได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อเรียกร้องให้ JSTC คืนเงินส่วนแบ่งรายได้ที่ผู้เรียกร้องกล่าวอ้างว่า JSTC รับเกินไปตามสัญญาร่วมลงทุนฯ พร้อมด้วยให้ชำระค่าซ่อมแชมเครื่องมือ อุปกรณ์ และทรัพย์สินในโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำฝั่งตะวันออก รวมถึงค่าเสียโอกาสในการประกอบธุรกิจ เป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 9,931 ล้านบาท นั้น

Advertisement

โดยเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 บริษัทได้รับทราบคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ฉบับลงวันที่ 29 เมษายน 2562 ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดซึ่งมีสาระสำคัญ กล่าวคือ ให้ JSTC ชำระค่าใช้จ่ายเป็นเงินจำนวน 15.82 ล้านบาท เท่านั้น พร้อมด้วยดอกเบียในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 15.82 ล้านบาท นับแต่วันที่ 29 เมษายน 2558 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นให้แก่ผู้เรียกร้อง โดยค่าดอกเบี้ยนับถึงวันยื่นคำเสนอข้อพิพาท (19 สิงหาคม 2559) ซึ่งต้องเป็นเงินไม่เกินจำนวน 11.52 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับเงินส่วนแบ่งรายได้และข้อเรียกร้องอื่นๆ เป็นเงินประมาณ 9,900 ล้านบาท ตามคำเสนอข้อพิพาทข้างต้นนั้น JSTC ไม่มีหน้าที่ต้องชำระให้แก่ผู้เรียกร้องแต่อย่างใด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image