ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหุ้นภาคเช้าวันนี้ หุ้นเปิดตลาดที่ระดับ 1,640.13 จุด จากนั้นเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดครึ่งวันเช้าจนปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,633.19 จุด ลดลง 6.94 จุด หรือ 0.42% โดยทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 1,639.63 จุด และจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ระดับ 1,630.74 จุด ด้วยมีมูลค่าการซื้อขาย 21,512.10 ล้านบาท
บล.กสิกรไทยออกบทวิเคราะห์ว่า เป็นผลจากตลาดหุ้นสหรัฐฯดิ่งลง ดัชนีดาวน์โจน ลบกว่า 600 จุด หลังจีนเริ่มมาตรการตอบโต้ด้านภาษีโดยมีการขึ้นภาษีมูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้สร้างความกังวลต่อตลาดว่าสงครามการค้า(เทรดวอร์)ระหว่างสหรัฐ-จีนจะบานปลายกระทบต่อซัพพลายเชน ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดดิ่งลง รวมถึงสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า (WTI) ที่ปรับตัวลงเช่นเดียวกัน แม้ราคาน้ำมันดิบจะมีแรงหนุนบางส่วนจากข่าวเรือบรรทุกน้ำมันของซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีก็ตาม โดยมองดัชนีหุ้นไทยทดสอบแนวรับที่ 1,635-1,620 จุด สำหรับกลยุทธ์แนะนำการลงทุนคือ ให้ค่อยๆ ทยอยสะสมหุ้นในกลุ่มต่อไปนี้ 1.กลุ่มหุ้นที่อิงกับโครงสร้างพื้นฐาน JASIF TFFIF AMATA STEC 2.กลุ่มหุ้นที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL GLOBAL BJC CPF JAS COM7
รวมถึงแนะนำให้ชะลอการลงทุนในหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจโลก และการบริโภคของจีน อาทิ PTT PTTEP CENTEL ERW ORI จากสงครามการค้ายืดเยื้อกว่าคาด และ CPF จากข่าวโรคอหิวาต์ในหมูระบาดที่เวียดนาม ซึ่งระยะสั้นอาจเป็นลบเพราะเกษตรกรจะเทขายหมูกดราคา แต่ระยะยาวราคาหมูจะเด้งและเป็นบวกกับ CPF ที่เป็นฟาร์มปิดไม่โดนโรคดังกล่าว โดยหุ้นเด่นที่แนะนำวันนี้ ได้แก่ JASIF และ COM7
