นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2562(มกราคม-มีนาคม) มีกำไรจำนวน 1,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.6% จากงวดเดียวกันของปี 2561 รายได้รวม 11,230.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.5% ปัจจัยที่ส่งเสริม คือรายได้จากการขายของโรงไฟฟ้าหลัก คือ โรงไฟฟ้าราชบุรี โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ และบริษัท ราช-ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น จำนวน 9,245.06 ล้านบาท และรายได้จากส่วนแบ่งกำไรของกิจการร่วมทุนจำนวน 1,081.13 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว อีกทั้งยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
นายกิจจากล่าวว่า เดือนมิถุนายนนี้ โรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น กำลังผลิตติดตั้งรวม 99.23 เมกะวัตต์ บริษัทฯ ถือหุ้น 35% จะเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมทุนด้วย นอกจากนี้ยังมีความก้าวหน้าในการพัฒนาโครงการต่างๆ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คอลลินสวิลล์ กำลังผลิต 42.5 เมกะวัตต์ ในออสเตรเลียได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว ความสำเร็จในการจัดหาเงินกู้โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว กำลังผลิตติดตั้งรวม 275 เมกะวัตต์ในอินโดนีเซีย มูลค่า 222 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,104 ล้านบาท และเงินกู้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมคอลเลกเตอร์ ในออสเตรเลีย มูลค่า 179 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 4,117 ล้านบาท
“บริษัทฯ ยังเดินหน้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า ธุรกิจพลังงาน และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างมูลค่ากิจการให้ถึง 200,000 ล้านบาท หรือ 10,000 เมกะวัตต์เทียบเท่าในปี 2566 “นายกิจจากล่าว