‘สมคิด’รับศกชะลอตัวจากสงครามการค้า-การเมืองไม่ชัดเจน 

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายในประชุม Exponential Manufacturing Thailand 2019 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ว่า สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ยอมรับว่าส่งผลต่อการส่งออกของไทย เนื่องจากไทยมีสัดส่วนการส่งออกสูงถึง 70% ของจีดีพี ทำให้ในปีนี้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยจะชะลอลงอย่างแน่นอน แต่ไม่อยากให้นักลงทุน นักธุรกิจกังวล เนื่องจากฐานะทางเศรษฐกิจของไทยเข้มแข็ง ขณะที่สถานการณ์การเมืองในประเทศ มองว่า หากมีความชัดเจน สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจในระยะต่อไป

“ส่วนตัวอยากให้มีความชัดเจนทางการเมืองให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบมาก ไม่ว่าพรรคไหนจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ไม่ต้องกังวล เพราะเชื่อว่าทุกรัฐบาลต้องรู้ว่าจะต้องรับผิดชอบ เรื่องอะไรบ้าง เพราะมันเป็นความเป็นความตายของคนในประเทศ แต่ตอนนี้เมื่อการเมืองไม่ลงตัว คนที่ห่วงที่สุดไม่ใช่คนไทย แต่คือนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่ชะลอการลงทุน เพราะไม่มีนักธุรกิจคนไหนจะโง่ลงทุนจำนวนมากในช่วงที่ไม่รู้ประเทศจะเป็นอย่างไร ประกอบกับเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีแนวโน้มยืดเยื้อ ทำให้ทั่วโลกได้รับผลกระทบ ไม่ได้ส่งผลดีต่อไทย”นายสมคิดกล่าว

นายสมคิดกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามประคับประคองเศรษฐกิจให้สามารถเดินต่อไปได้ระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีความกังวลใดๆ เพราะเชื่อว่าหากไทยมีรัฐบาลเมื่อไร สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจจะดีขึ้นเอง แต่ทุกฝ่ายจะต้องเร่งพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะภาคเอกชนต้องปรับปรุงภาคการผลิตในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ให้เป็นที่ต้องการของโลก โดยเฉพาะการเเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมที่เป็นที่ต้องการของตลาด ด้วยการสร้างผู้ประกอบการใหม่ขนาดเล็กให้มากขึ้น พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาผสมผสาน

นายสมคิดกล่าวด้วยว่า ขณะนี้เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงภาคอุตสาหกรรม เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องเร่งปรับตัว โดยเฉพาะการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรูปแบบกล่อง แต่ต้องเพิ่มเติมเทคโนโลยี ดังนั้นจึงเป็นที่มาที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไฮเทคด้านเกษตร

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image