ทำเนียบรัฐบาลกลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือโอกาสร่วมงานเลี้ยงอาหาร เปิดใจให้สื่อมวลชน หลังจากที่ทำเนียบเงียบเหงาไปนานพอสมควร นับแต่ 15 รัฐมนตรีในรัฐบาล ลาออกเพื่อไปทำหน้าที่ใหม่ ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)
บิ๊กตู่ นำคณะอันประกอบด้วย พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะที่ปรึกษา เดินออกจากหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล มุ่งสู่หน้ารังนกกระจอก 1 หรือ ห้องผู้สื่อข่าว อย่างอารมณ์ดี เพื่อร่วมรับประทานมื้อกลางวันกับผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล หลังจากที่ห่างหายจากการเปิดใจไป 1 ปีกว่าๆ
สำหรับเมนูอาหาร ประกอบด้วย ก๋วยเตี๋ยวเรือ หมู-เนื้อ จากร้านแจ๊ว, ข้าวมันไก่เบตง ร้านลั่นฟ้า จากย่านเสาชิงช้า พระนคร, ขาหมูตรอกซุง เจ้าเก่า อร่อยเข้ม ไม่เหมือนใคร, ไก่ย่าง ตำถั่ว จากร้านตำยั่วครกยักษ์ ส่วนของหวานมีไอศกรีมกะทิสด และผลไม้ อาทิ มะม่วง แตงโม ฝรั่ง สับปะรด มะละกอสุก ซึ่ง บิ๊กตู่ และทีมงานต่างรับประทานทุกอย่างอย่างเอร็ดอร่อย
เปิดใจกับผู้สื่อข่าวหนนี้ ถือว่าเป็นการเปิดใจครั้งแรกหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้คะแนนเสียงเกินความคาดหมาย ได้ ส.ส.มาเป็นอันดับ 2 รองจากพรรคเพื่อไทย (พท.) นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่พรรคพลังประชารัฐกำลังจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อที่ประชุมรัฐสภา ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
กระนั้นก็เป็นการร่วมพบปะสื่อมวลชนครั้งสุดท้ายของ บิ๊กอ้อ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนเตรียมทหาร 12 ของ บิ๊กตู่ ที่ไม่ขอไปต่อในรัฐบาลเลือกตั้ง หากจะขอกลับไปอยู่บ้าน เลี้ยงหลานตามประสาคนวัยเกษียณ
บิ๊กตู่ พูดถึงเพื่อนรักว่า เป็นรักแรก รู้ใจกันทุกอย่าง เพราะอยู่ด้วยกันมาเนิ่นนาน เมื่อเพื่อนจะไม่ไปต่อในเส้นทางการเมืองแล้ว จึงอดคิดถึงไม่ได้ และคงไม่มีวันลืมเพื่อนคนนี้ กระนั่น บิ๊กตู่ ก็กระเซ้า เพื่อนว่า แม้จะเป็นรักแรก แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นรักสุดท้ายหรือไม่ พร้อมหัวเราะกับเพื่อนรักอย่างสบายอารมณ์
แม้จะกินไปพูดไป แต่ก็ได้ความไม่ขาดหาย บิ๊กตู่ เปิดใจถึงเส้นทางการเมือง หลังจากมีโอกาสสูงมาก ที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย โดยบอกว่าเป็นธรรมดาที่ทางครอบครัวจะแสดงความเป็นห่วง แต่ส่วนตัวไม่เคยเอาครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ได้จากครอบครัวคือกำลังใจ ที่มีให้กันมาโดยตลอด แม้ครอบครัวจะไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองก็ตาม
5 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยเปิดเผยเรื่องของครอบครัวต่อสาธารณะ โดยเฉพาะกับลูกๆ ไม่มีแม้แต่ภาพหลุดออกมาให้สาธารณะได้เห็น นั่นเพื่อป้องกันความปลอดภัย
เช่นเดียวกับในเส้นทางการเมืองในอนาคตที่ บิ๊กตู่ บอกว่า ไม่เปิดเผย เพราะครอบครัวของผมเค้าไม่มายุ่งเกี่ยว เพราะไม่อยากให้มีปัญหาใดๆ ทั้งภรรยาและลูก ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เข้ามายุ่งอะไร ครอบครัวเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับงานของผม ก็ขอร้องว่าสื่ออย่าไปยุ่งอะไรกับเขา
ด้วยบุคลิกของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่หลายคนเป็นห่วงว่าจะมีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์ อันจะมีผลกระทบต่อการคงอยู่ของรัฐบาล ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์กลับเห็นต่าง โดยบอกว่าส่วนตัวไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวเองมากนัก เพียงแค่ทำหน้างอให้น้อยลง และต้องพูดคุยสื่อสารกับคนให้มากขึ้น เพราะแม้จะเป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง ก็ยังเป็นนายกฯประยุทธ์ คนเดิม
ตลอดการพูดคุยในวงอาหาร พล.อ.ประยุทธ์ คุยเบาบ้างหนักบ้างตามประเด็น
กระทั่งเข้าช่วงรีแลกซ์ เมื่อผู้สื่อข่าวชวน พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงการแต่งเพลง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าต้องให้เครดิตผู้เรียบเรียงและมีส่วนร่วมอยู่เบื้อง เพราะนายกฯก็แค่ประพันธ์เนื้อร้องแล้วส่งให้ทีมที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง
ผู้สื่อข่าวจึงแกล้งถามว่า มี 10 ผลงานเพลงแล้ว ไม่คิดจะออกเป็นอัลบั้มวางจำหน่ายบ้างหรือ พล.อ.ประยุทธ์ตอบทันควันว่า ขายแล้วเธอจะซื้อไหมละ นักข่าวตอบทันควันเช่นกันว่า ไม่ซื้อ ทำเอาทั้งวงหัวเราะดังลั่น
จากนั้นผู้สื่อข่าวยุให้ พล.อ.ประยุทธ์โชว์ลูกคอ พล.อ.ประยุทธ์จึงถือโอกาสร้องเพลงพรหมลิขิตของสุนทราภรณ์ แบบสดๆ ไม่มีดนตรี
ร้องแค่ว่า พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด จากนั้นก็หยุดแล้วบอกว่าจำเนื้อไม่ได้
นั่งกินข้าวพูดคุยกันกว่าชั่วโมง ก่อนที่ นายกฯ จะเดินกลับตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อไปทำงานต่อ สื่อมวลชนได้ขอถ่ายรูปร่วมเพื่อเป็นที่ระลึก ซึ่งมีการถ่ายภาพกันเป็นกลุ่ม และมีการขอถ่ายเซลฟี่กับนายกฯ และนายกฯ ได้ร้องเพลงพรหมลิขิตอีกรอบ ซึ่งนายกฯ จำเนื้อเพลงได้เพียง 1 ท่อน จึงบอกกับสื่อว่าเดี๋ยวขอไปจำเนื้อเพลงก่อน แล้วจะมาร้องให้ฟังอีกครั้ง
ตรงนี้ถือว่ามีนัยสำคัญมาก เพราะในทางการเมืองนั้น ยังไม่ชัดเจนได้ว่า ใครจะได้เป็นนายกฯคนต่อไป ทว่า พล.อ.ประยุทธ์กลับเลือกร้องเพลงพรหมลิขิต และบอกว่าจะกลับมาร้องให้ฟังใหม่
ด้านความรู้สึกของสื่อมวลชน น.ส.จารุณี ปิริดี ผู้สื่อข่าวสำนักข่าว TNN ประจำทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า งานเลี้ยงสื่อทำเนียบในวันนี้ถือว่าเป็นการเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน ที่ได้ตามติดการทำงานของนายกฯคนนี้ก็ว่าได้ เพราะตลอด 5 ปี ของการทำงาน ถือว่าเป็นการทำข่าวที่ครบทุกรสชาติ ดังนั้น เมื่อรัฐบาล คสช.จะสิ้นสุดลง ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการกินข้าว พูดคุยกันแบบกันเอง ซึ่งถือว่าวันนี้บรรยากาศนายกรัฐมนตรีดูผ่อนคลาย ไม่กังวลใดๆ ซึ่งสื่อเองก็จะจับตาและลุ้นว่า พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนใหม่ ในรูปแบบประชาธิปไตยอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะต้องมีความแตกต่างจากรัฐบาลที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
ขณะที่ ญาดา เพิ่มลาภ ผู้สื่อข่าวผู้จัดการ ระบุว่า ถ้าถามถึงความรู้สึก บอกเลยเฉยชิน เพราะไม่ต่างกับนายกรัฐมนตรีในอดีต ที่มักจะมีภาพแบบนี้ออกสื่อ โดยเฉพาะในห้วงที่จะหมดวาระรัฐบาล เป็นการกระชับมิตรระหว่างแหล่งข่าวกับสื่อปกติธรรมดา
ญาดาตั้งข้อสังเกตว่า ที่ต่างคือวันนี้ ลุงตู่ไม่ได้บอกลา แต่ใช้เพลงพรหมลิขิตส่งสัญญาณไปต่อ เชื่อว่าสื่อส่วนใหญ่ที่อยู่ในบรรยากาศของวันนั้นมีความรู้สึกไม่ต่างกับพี่ ที่รู้สึกว่า พล.อ.ประยุทธ์รู้ตัวว่าตนเองต้องเดินต่อตามเพลงที่ร้องท่ามกลางเสียงชัตเตอร์กล้องที่ลั่นรัวๆ ของช่างภาพ ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เดินลำพัง ยังมี 2 ป. บิ๊กป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม) และ บิ๊กป๊อก (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) คอยเดินเคียงข้าง นั่นคือ พล.อ.ประยุทธ์ต้องลิขิตไว้ในใจ
ส่วนพรหมลิขิตจะนำพาให้ บิ๊กตู่ หวนคืนสู่เก้าอี้ นายกฯอีกครั้งหรือไม่ คงไม่นานเกินรอ