ปิดจ็อบขึ้นทะเบียนครอบครองกัญชา ควักรูปปลูกในบ้านรักษาโรคยืนยัน

คึกคักสายเขียวต่อคิว ขอขึ้นทะเบียนครอบครองกัญชาวันสุดท้าย ผู้ป่วย ความดัน เบาหวาน มะเร็ง ยันดีขึ้นจริง สสจ.เตือนใช้เหมาะสม

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม บรรยากาศการยื่น ขอขึ้นทะเบียน เพื่อครอบครองกัญชา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้มีการประกาศ หลังเกิด พ.ร.บ.กัญชาเพื่อการรักษาโรค พร้อมมีการประกาศให้ ประชาชน ที่ต้องการครอบครองกัญชาเพื่อการรักษาโรค ได้นำเอกสารหลักฐาน มีขอขึ้นทะเบียน เพื่อครองครอง ใช้ในการรักษาโรค ระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 ถึงวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 เป็นวันสุดท้าย หากพ้นกำหนดหากมีครอบครอง จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากกัญชายังคงเป็นยาเสพติด ประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยในการขออนุญาตครอบครอง จะต้องเพื่อใช้ในการรักษาโรคเท่านั้น และต้องมีจำนวนที่เหมาะสม ส่วนกลุ่มที่จะทำการเพาะปลุกกัญชา จะต้องเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เท่านั้น และต้องรอความชัดเจน ทางกฎหมายจึงจะสามารถทำการปลูกได้

โดยช่วงเช้ามีกลุ่มผู้ป่วย ที่กำหนดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 7 กลุ่ม เดินทางมาขอขึ้นทะเบียนครอบครองกัญชาเพื่อการรักษาโรค คึกคักไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่ จะมีการนำหลักฐานภาพถ่ายต้นกัญชาที่เพาะปลูกไว้ในครัวเรือน ประมาณคนละ 4-5 ต้น เพื่อใช้ในการักษาโรค รวมถึงผู้ที่มีน้ำมันกัญชาไว้ในครอบครอง ส่วนคนที่มีเมล็ดพันธุ์ สามารถขึ้นทะเบียนครอบครองได้ แต่ยังไม่สามารถจะทำการปลูกได้ ต้องรอกฎหมายชัดเจน และกลุ่มที่ปลูกได้ จะต้องเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเท่านั้น แต่หากปลูกเพื่อใช้การรักษาโรค จำนวนที่เหมาะสม จะต้องมีการปลูกก่อนเดือนกุมภาพันธ์ 2562 สำหรับกลุ่มโรคที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ปลูกเพื่อรักษาโรค ระบุว่า โรคที่ใช้รักษาแล้วมีอาการดีขึ้น ส่วนใหญ่ เป็น ความดัน เบาหวาน ไทรอยด์ และโรคมะเร็ง ซึ่งจะใช้การรักษาด้วยการนำน้ำมันกัญชามาหยดใต้ลิ้น รวมถึงการนำใบกัญชาสดมาต้มดื่ม

นายณรงค์ชัย จันทร์พร เภสัชกรชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณ
สุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ตามที่นายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์
สาธารณสุขจังหวัดนครพนม ได้แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบไปก่อนหน้านี้ว่า ตามที่ได้มี
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข แจ้งให้บุคคล 7 กลุ่ม ที่มีคุณสมบัติเป็นผู้ได้รับอนุญาตผลิต นำเข้า จำหน่าย มี
ไว้ในครอบครองกัญชา ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้กัญชารักษาโรคเฉพาะตัว และบุคคลอื่นที่มีกัญชาใน
ครอบครอง ให้มาแจ้งครอบครองกัญชาโดยไม่ต้องรับโทษ ภายใน 90 วัน ล่าสุดถึงกำหนดวันสุดท้าย มี
ประชาชน ผู้มีกัญชาในครอบครองเพื่อรักษาโรค มาขึ้นทะเบียน มากถึง 493 ราย และมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่
มีเมล็ดพันธุ์ครอบครอง 1 กลุ่ม

Advertisement

อย่างไรก็ตาม การขึ้นทะเบียนกัญชา ไม่ได้หมายความว่า เป็นการขออนุญาตเพื่อปลูก แต่เป็นการแจ้งการครอบครองเพื่อการรักษาโรค ส่วนการปลูกนั้น ต้องรอกฎหมายชัดเจน และจากนี้ไปไม่สามารถปลูกได้ หลังหมดเวลาขึ้นทะเบียน หากฝ่าฝืนมีครอบครอง จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากกัญชายังเป็นยาเสพติด ประเภท 5 มีบทลงโทษทางกฎหมายทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการรักษาโรคนั้น ในทางการแพทย์อาจยังไม่มีผลสรุปชัดเจน แต่มีเพียงคำบอกเล่าชาวบ้าน ที่ระบุว่าหาย หลังใช้กัญชารักษา ทั้งนี้ ฝากเตือนในการรักษาจะต้องศึกษา ความเหมาะสมกลุ่มโรค เพราะขอยืนยันว่า กัญชาไม่ใช่ยาวิเศษ และหากใช้ผิดวิธีอาจเกิดอันตราย ขอให้ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม และหากมีการผลิตยารักษา ทุกคนจะไม่สามารถมีครอบครองได้

ด้าน ชาวบ้านที่มาขอขึ้นทะเบียน หลายราย ยืนยัน ว่า การใช้กัญชารักษาโรคที่เจ็บป่วย อาทิ โรคความดัน
เบาหวาน ไทรอยด์ รวมถึงโรคมะเร็ง ได้ผลจริง มีอาการดีขึ้น เหลือเชื่อ จึงต้องการที่จะมีครอบครองเพื่อรักษาโรค เป็นความหวังสุดท้ายของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เนื่องจากบางรายเจ็บป่วยมานานหลายปี หลังนำกัญชามารักษาทั้งการหยดน้ำมันกัญชาใต้ลิ้น รวมถึง การนำใบกัญชามาต้มดื่ม ปรากฏกว่าอาการดีขึ้น จึงต้องการที่จะใช้รักษาต่อเนื่อง

นางสมจิตร พรรณวงศ์ อายุ 68 ปี ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ผู้ป่วยมะเร็งที่เดินทางมาขอขึ้นทะเบียน กล่าวว่า ตนป่วยมานานกว่า 2 ปี เป็นมะเร็งระยะที่ 4 หลังมีข่าวว่า กัญชาสามารถรักษาได้ ตนได้ทดลองใช้หยดน้ำมันกัญชาใต้ลิ้น รู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นไม่เจ็บปวด และสดชื่นขึ้น ทั้งนี้ ยังรอการตรวจจากแพทย์ที่รักษาอีกครั้ง หากมะเร็งไม่แพร่ เชื่อว่าช่วยรักษาได้ อย่างไรก็ตาม ถือเป็นความหวังสุดท้าย ทางรอดผู้ป่วย ต้องการที่จะใช้รักษาต่อเนื่อง และมาขอขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย สำคัญอยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการให้ชัดเจน และให้ประชาชนสามารถใช้รักษาได้เหมือนยารักษาโรคทั่วไป จะต้องไม่ทำผิดกฎหมาย และหลายคนที่เป็นผู้ป่วยได้มีการพูดคุยกันว่าหลายโรครักษาแล้วดีขึ้น

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image