หอค้าไทยจับมือทีเอ็มบี เปิดรายการ”สร้างแรงบันดาลใจ”เอสเอ็มอีไทยต่อยอดธุรกิจ

นายภูมินทร์ หะรินสุต รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยร่วมกับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีเอ็มบี จัดทำรายการโทรทัศน์ “คิดลึก คิดไกล THE VISIONARY” จำนวน 20 ตอน ความยาวตอนละ 3 นาที เผยแพร่ผ่านช่อง 30 MCOT HD เวลา 19.00 –20.20 น. ออกอากาศวันเสาร์เว้นเสาร์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 –พฤษภาคม 2563 รวมทั้งจัดทำเป็นตอนสั้นๆ เพื่อเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ของหอการค้าไทยและทีเอ็มบี เพื่อให้ความรู้เป็นแนวทางและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอี นำไปพัฒนาธุรกิจและต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตได้มากกว่า โดยหอการค้าไทยให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้า (Young Entrepreneur Chamber of Commerce หรือ YEC) ในการส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มและพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ทั่วประเทศให้มีศักยภาพ และมีความพร้อมเข้ามาเป็นกำลังสำคัญของหอการค้า ในการพัฒนาองค์กรและเศรษฐกิจทั้งในระดับจังหวัด กลุ่มจังหวัดและระดับประเทศ

นายภูมินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการจัดตั้งกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ YEC ขึ้นครบทุกจังหวัดแล้ว โดยมีสมาชิกทั่วประเทศกว่า 5,000 คน และหอการค้าไทยได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ YEC หอการค้าไทยขึ้น เพื่อดำเนินการจัดทำโครงการและกิจกรรมต่างๆ ให้กับสมาชิกเพื่อสนับสนุนให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านของการบริหารจัดการ YEC ในจังหวัด และธุรกิจของตนเอง อาทิ โครงการอบรมผู้ประกอบการรุ่นใหม่หัวใจพอเพียง (SEED), โครงการอบรม YEC President Training และโครงการประกวด YEC Pitching เป็นต้น

“หอการค้าไทยร่วมกับทีเอ็มบี นำกรณีศึกษาธุรกิจของสมาชิกผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หอการค้า หรือ YEC และธุรกิจเอสเอ็มอีต่างๆ ได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญของทีเอ็มบี หรือผ่านการอบรมหลักสูตร LEAN Supply Chain by TMB เพื่อเสริมศักยภาพเอสเอ็มอีไทย ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการรุ่นใหม่ YEC เป็นอย่างมาก เนื่องจากโครงการนี้จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจของ YEC ความรู้ และเทคนิคที่ได้รับสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง เพื่อให้มีความเข้มแข็งในธุรกิจของตัวเอง สามารถลดต้นทุน และยังเป็นการแบ่งปันความรู้ให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ทั่วประเทศได้รับทราบอีกด้วย” นายภูมินทร์ กล่าว

นายรุจิกร ภาวสุทธิไพศิฐ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการตลาดลูกค้าธุรกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีเอ็มบี กล่าวว่า การร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย สามารถเรียนรู้ขั้นตอนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ มีการปูพื้นฐานและสร้างความรู้พื้นฐานให้ผู้ประกอบการ พร้อมลงมือปฏิบัติจริง เพื่อนำความรู้ไปต่อยอดในธุรกิจของตนเองได้ โดยคาดหวังว่าผู้ประกอบการที่เข้ามาศึกษาในโครงการนี้ จะสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนเอง และสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่องอย่างยั่งยืนด้วยปรัชญาของทีเอ็มบี ที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้น ไม่ใช่องค์กรที่ทำงานด้านสินเชื่อเพียงอย่างเดียว ทำให้มีความมุ่งมั่นและที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย การคิดอย่างรอบด้าน รวมถึงการส่งมอบองค์ความรู้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการทำธุรกิจในยุคที่เศรษฐกิจโลกมีการเปลี่ยนแปลง และมีการแข่งขันสูง เพื่อช่วยต่อยอดให้ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยสามารถเติบโตได้อย่างแตกต่างและยั่งยืน

Advertisement

นายรุจิกร กล่าวว่า ทีเอ็มบีได้ริเริ่มโครงการ LEAN Supply Chain by TMB เพื่อพัฒนาหลักสูตรเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจทั้งห่วงโซ่ผ่านเทคนิค Lean Six Sigma เน้นเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพครบวงจรด้านการบริหารจัดการการผลิต ลดสินค้าคงคลัง เพิ่มผลผลิตในองค์กร และลดระยะเวลาในการทำงาน โดยหลักสูตรเน้นการเรียนรู้จริง และนำไปใช้เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม ดำเนินการแล้วถึง 6 ปี เปิดหลักสูตรรวม 13 รุ่น และกว่า 100 โปรเจคที่ผ่านหลักสูตร สามารถลดต้นทุนและเพิ่มรายได้แล้วกว่า 1,150 ล้านบาท

“ในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่สดใสมากนัก ผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังมีโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ เพราะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของความคล่องตัวสูง ทำให้สามารถปรับตัวและตัดสินใจได้รวดเร็วมากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งหากได้รับความรู้เรื่องการบริหารธุรกิจที่ดีน่าจะมีโอกาสพัฒนาต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้สูงมาก โดยในขณะนี้มองว่าเศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อยู่ ถึงแม้จะมีปัจจัยต่างประเทศเข้ามากระทบ ทำให้การส่งออกไทยติดลบตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 เป็นต้นมา เพราะจากสถิติพบว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีโอกาสเติบโตสูงกว่าจีดีพีเศรษฐกิจรวมสูงมาก ซึ่งธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตต่อในช่วงครึ่งปีหลังปี 2562 คือธุรกิจที่นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้และสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ ถึงแม้ภาคการส่งออกจะติดลบเพราะตลาดโลกที่ซึมตัวลง แต่มีผลกระทบกับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการส่งออกในปริมาณมากมากกว่า ทำให้ยังมองว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังมีโอกาสในการส่งออกสินค้าได้ โดยเฉพาะสินค้าที่จะส่งไปทดแทนทั้งจีนและสหรัฐต่อไป ”นายรุจิกร กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image