นายฉันทานนท์ วรรณเขจร รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์ทุเรียนภาคใต้ปี 2562 ว่าคณะทำงานสำรวจข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคใต้ โดยสำรวจข้อมูลทั้ง 14 จังหวัด อาทิ กระบี่, ชุมพร, ตรัง, นครศรีธรรมราช และนราธิวาส เป็นต้น ซึ่งพยากรณ์ว่าปี 2562เทียบปี 2561 พบว่า เนื้อที่ยืนต้นของทุเรียนภาคใต้มี 501,845 ไร่ เพิ่มขึ้น 35,290 ไร่ หรือประมาณ 8% เนื้อที่ให้ผล 387,822 ไร่ เพิ่มขึ้น 28,515 ไร่ หรือประมาณ 8% ปริมาณผลผลิตรวม 445,220 ตัน เพิ่มขึ้น 140,953 ตัน หรือประมาณ 46% โดยผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล อยู่ที่ 1,148 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มขึ้น 301 กิโลกรัม หรือประมาณ 36%
นายฉันทานนท์ กล่าวว่า สำหรับผลผลิตทุเรียนของทางภาคใต้จะออกมากที่สุดที่จังหวัดชุมพร รองลงมาคือ นครศรีธรรมราช โดยผลผลิตในฤดูของทางภาคใต้ เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน และออกมากช่วงเดือนสิงหาคม 2562 หรือคิดเป็น 34% ของผลผลิตภาคใต้ทั้งหมด ราคาเฉลี่ยทุเรียนพันธุ์หมอนทองที่เกษตรกรขายได้ที่สวนเฉลี่ยอยู่ที่ 93.29 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้นประมาณ 19%
“หลายปีที่ผ่านมาราคาทุเรียนค่อนข้างสูง เนื่องจากยังมีความต้องการนำเข้าไปที่ประเทศจีนจำนวนมาก ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนให้การเอาใจใส่ดูแลมากขึ้น เพื่อให้ได้ปริมาณผลผลิตเพิ่มและมีคุณภาพดี อาทิ การตัดผลอ่อนบางส่วนทิ้ง ทำให้ผลที่เหลือมีขนาดและน้ำหนักใหญ่ขึ้น ในขณะเดียวกันเนื้อที่ให้ผลของทุเรียนเพิ่มขึ้น และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเกษตรกรที่โค่นต้นแก่ของไม้ผลอื่นๆ และโค่นยางพาราที่ราคาไม่จูงใจ หันมาปลูกทุเรียนแทน ” นายฉันทานนท์ กล่าว
นายฉันทานนท์ กล่าวว่า หน่วยงานรัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ส่งออกควรควบคุมคุณภาพของทุเรียน ทั้งเรื่องทุเรียนอ่อน และวัตถุปนเปื้อนอาจทำให้เกิดปัญหาการส่งออกได้ ซึ่ง สศก.จะได้ร่วมติดตามสถานการณ์การผลิตและปริมาณผลผลิตไม้ผลร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการเตรียมมาตรการนโยบาย โดยคณะทำงานสำรวจข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคใต้ จะประชุมเพื่อสรุปผลอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมนี้