เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีญาติของบุคคลผู้ถือบัตรไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือสัญชาติ/ชาติพันธุ์ อาศัยอยู่บนพื้นที่สูงรายหนึ่ง ได้ร้องเรียนว่าเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ว่าขณะที่สามีได้เดินขึ้นรถ 4 ล้อแดง รถสายประจำทางหน้าด่านพรมแดนแม่สาย แห่งที่ 1 จะไปลงสถานีขนส่งแม่สาย แต่มีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านจุดตรวจสกัดสิ่งผิดกฏหมาย อยู่ระหว่างถนนสายหลัก บ้านป่ายาง หมู่8 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ตรงข้ามศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน อ.แม่สาย เจ้าหน้าที่ ตร.ชุด 191 สภ.แม่สายขอตรวจดูบัตรสามี และได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สาย เข้าควบคุมตัว และเรียกรับเงิน 20,000 บาท แต่ต่อรองจนเหลือ 5,000 บาท โดยโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง และผู้ร้องเรียนยังกล่าวหาว่ามีการเจรจาต่อรองราคากันนาน และมีการข่มขู่ นั้น พ.ต.อ.คมสันต์ สอาดล้วน ผกก.สภ.แม่สาย ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ชาญพิศุทธิ์ ณัธพงศกรณ์ รอง ผกก.ป.สภ.แม่สาย ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีคำสั่งให้ตำรวจนายดังกล่าว เขียนรายงานชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ และกฎหมายต่อไป
พ.ต.ท.ชาญพิศุทธิ์ เปิดเผยว่า ข้อชี้แจงของตำรวจชุดจับกุมนายส่วย จายคำ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 0/89 หมู่ 1 ต.เมืองแปง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ผู้ต้องหา ถือบัตรไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือสัญชาติ/ชาติพันธุ์ อาศัยอยู่บนพื้นที่สูง โดยตำรวจชุด 191 สภ.แม่สาย ได้ตั้งด่านจุดตรวจสกัดสิ่งผิดกฎหมาย พบมีรถประจำทางวิ่งผ่านเข้ามายังจุดตรวจ จึงขอตรวจค้นบุคคลภายในรถ พบว่า นายส่วยถือบัตรไม่มีสถานะทางทะเบียนออกนอกเขตควบคุม แต่นายส่วยถือบัตรอยู่ อ.ปาย และจะขอเดินทางไปทำงานกรุงเทพฯ แต่เดินทางออกนอกเส้นทางควบคุม จึงควบคุมตัวไปตรวจสอบส่งร้อยเวร สภ.แม่สาย
“ขณะควบคุมตัวไปยัง สภ.แม่สาย นายส่วยได้สอบถามตำรวจว่าจะเสียค่าปรับประมาณเท่าไร ทางตำรวจชี้แจงว่าโทษปรับประมาณ 20,000 บาท จำคุก 2 ปี แต่ไปปรับที่ศาลไม่เกิน 5,000 บาท นายส่วยบอกตำรวจว่าพกเงินมา 1,900 บาท ขอโทรหาแฟนให้โอนเงินมาอีก 5,000 บาท เพื่อพกติดตัวไปเสียค่าปรับที่ศาล จึงขอบัญชีเพื่อโอนเงิน แต่ตำรวจให้หาบัญชีโอนมาเอง หรือไปขอโอนมาที่ใครก็ได้ จนเป็นเหตุเพจดังซัดตำรวจแม่สายรีดเงิน ทางผู้บังคับบัญชาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งสอบเพื่อความชัดเจนให้กับสังคม ล่าสุดตำรวจได้ชี้แจงให้ผู้ต้องหา และแฟนผู้ต้องหา รวมทั้ง ทางเพจดังรับทราบแล้ว โดยเป็นการรับข้อมูลฝ่ายเดียว ทำให้เกิดเข้าใจคลาดเคลื่อน ทำให้สื่อสารเข้าใจกันผิด” พ.ต.ท.ชาญพิศุทธิ์ กล่าว
