นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การปรับลดเป้าหมายส่งออกปี 2562 อยู่ที่ 3% หรือมูลค่า 260,184 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากประมาณการเดิมเดือนตุลาคมปีผ่านมาไว้ที่ 8%หรือมูลค่า 270,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยช่วงที่เหลือ 8 เดือนของปีนี้ตั้งเป้าขยายตัว 5% หรือเฉลี่ยมูลค่าต่อเดือน 22,455 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะทำให้ทั้งปี 2562 ขยายตัว 3% หรือเฉลี่ยมูลค่าต่อเดือน 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการประเมินปัจจัยลบจากการได้รับผลกระทบจากเทรดวอร์ ความไม่แน่นอนของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป(เบร็กซิท) สถานการณ์การเมืองภายในประเทศและการเมืองระหว่างประเทศในตะวันออกกลาง ค่าบาทระดับ 31-32 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และน้ำมันไม่ผันผวน
นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวว่า ขณะที่ปัจจัยบวกต่อการส่งออกไทยคือสหรัฐมีแนวโน้มไม่เก็บภาษีเพิ่มจากจีน และหันไปเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นซึ่งญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรและมีการลงทุนในไทยจำนวนมาก นอกจากนี้จะเน้นการสร้างไทยเป็นห่วงโซ่การผลิตในหลายประเทศ จะเน้นการเจาะกลุ่มผู้ผลิตและนำเข้ารายกลางและเล็กมากขึ้น ซึ่งจะเป็นสัดส่วนที่สูงในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป้าหมายส่งออก 3% ประเมินจากตัวเลขส่งออกรายภูมิภาคที่ทูตพาณิชย์นำเสนอมา คือ เอเชียใต้ขยายตัว 6% อเมริกาขยายตัว 4% ลาตินอเมริกา ขยายตัว 1% ตะวันออกกลางขยายตัว 0-2% แอฟริกาขยายตัว 2-4% รัศเซีย-อีไอเอส ขยายตัว 1% ซีแอลเอ็มวีขยายตัว 7.9% อาเซียน(9)ขยายตัว 5.2% ออสเตรเลียขยายตัว 1-2% ญี่ปุ่นขยายตัว 1-2% จีนขยายตัว 1-3% ซึ่งเป็นการปรับลดจากครั้งก่อนที่คาดไว้ 5-9% ขณะที่ยุโรปเป็นตลาดเดียวที่ขยายตัวเป็น 0% หรือเสมอตัวเท่าปีก่อน
ผู้สื่อข่าวรายว่า ทูตพาณิชย์ได้ยกเหตุผลปรับลดเป้าหมายส่งออก ผลกระทบจากผลกระทบจากเทรดวอร์ ดึงกำลังซื้อและเศรษฐกิจรายประเทศเติบโตต่ำ โดยทุกประเทศเน้นกลยุทธ์เจาะตลาดใหม่ทั้งด้านสินค้า เมืองรอง เน้นเพิ่มพันธมิตรการค้าการลงทุน และใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้า(เอฟทีเอ) ในการพยุงการค้าและเพิ่มยอดส่งออก
